Tuesday, October 18, 2011

ทริปน่าลอง.... สำหรับนักผจญภัย




เที่ยวถ้ำลำคลองงู
อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ห้วยลำคลองงูยาวหลายสิบกิโลเมตร ไหลผ่านภูเขาหินปูนที่เรียงตัวกันกระจัดกระจาย ภายใสมีเถื่อนถ้ำที่ยังคงความบริสุทธิ์ของหินงอกหินย้อย และมีความใหญ่โตน่าอัศจรรย์ใจในระดับโลกถึงสามถ้ำ ควรมาเที่ยวในช่วงปลายฤดูหนาวเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม

เริ่มจากถ้ำน้ำตก ถ้ำขนาดใหญ่ยาวถึง 2,710 เมตร ซึ่งต้องลุยน้ำเข้าไปในโถงถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยรูปร่างต่างๆ ถ้ำถัดมาคือ ถ้ำนกนางแอ่น เมื่อเดินลุยน้ำไป 1 กิโลเมตรจะพบมีหินยอกหินย้อยรูปร่างเหมือนถ้วยฟุตบอลโลกมีผลึกแคลไซต์งอกเป็นรูปร่างต่างๆ ซึ่งเมื่อโดนแสงจะส่งประกายระยิบระยับน่าตื่นตาตื่นใจ
ถ้ำสุดท้ายคือถ้ำเสาหิน ต้องลุยน้ำลอยคอว่ายเข้าไปตามลำคลองงูกว่า 1 กิโลเมตรภายในเป็นห้องโถงโล่ง เพดานสูงถึง 50 เมตร มีเสาหินปูนตั้งตระหง่านสูงถึง 62.5 เมตร ถือว่ามีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในโลก เกิดจากหินงอกหินย้อยมาบรรจบกัน โดยต้องใช้เวลาก่อตัวนานนับพันปี

อุทยานแห่งชาติลำคลองงูมีบ้านพัก ที่กางเต็นท์ และร้านอาหาร รวมถึงเจ้าหน้าที่นำทางพร้อมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ให้บริการ ติดต่อที่ ตู้ ปณ.4 ปทจ.ทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี 71180 โทร.08-6175-4786



ล่องเรือดูโลมา
อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
ฝูงโลมาห้าหกตัวที่ดำผุดดำว่ายไล่ต้อนเหยื่ออยู่บริเวณปากแม่น้ำบางปะกง สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้คนบนเรือที่ยกกล้องในมือขั้นถ่ายภาพหรือชี้ชวนกันดูโลมาที่บ้างก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมาทั้งตัว บ้างก็มองเห็นเพียงแค่ครีบหางให้ลุ้นระทึกอยู่ในที

ด้วยความที่ปากแม่น้ำบางปะกงเป็นจุดบรรจบของน้ำจืดกับน้ำเค็ม และรายรอบด้วยป่าชายเลน ทำให้มีแพลงก์ตอนเป็นอาหารของปลาหลายชนิด โดยเฉพาะปลาดุกทะเลที่เป็นอาหารโปรดของโลมา เราจึงพบเห็นโลมาได้ตลอดฤดูหนาว โดยมีถึงสามชนิด คือ โลมาอิรวดีที่พบเห็นได้ง่ายและบ่อยที่สุด ตัวสีเทาเข้มยาวกว่า 2 เมตร โลมาหัวบาตรหลังเรียบ ตัวเล็กเพียงเมตรกว่าๆ และไม่มีครีบหลัง และโลมาเผือกหลังโหนกที่ตัวโตถึง 3 เมตร ลำตัวสีน้ำตาลเหลืองไปจนถึงขาวอบชมพู

อยากเห็นโลมาเหล่านี้ต้องมาเที่ยวชมในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ โดยเฉพาะในช่วงน้ำตายที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูงและค่อนข้างคงที่ ใช้เวลาล่องเรือชมประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถ้าเลือกได้ควรไปชมในวันธรรมดาเพราะมีโอกาสเห็นโลมาได้นานกว่าช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ที่เรือวิ่งสวนกันไปมาเป็นจำนวนมาก จนทำให้โลมาตื่นกลัวไม่ยอมโชว์ตัวนานๆ

ก่อนเดินทางมาชมโลมา ควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเทศบาลตำบลท่าข้าม(โทร.0-3857-3411-2) จุดบริการเรือมีสองแห่ง คือ ท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลท่าข้าม หมู่ที่ 1 บ้านหัวแหลม(ติดต่อนายปราโมช สุวรรณ์วงศ์ โทร.08-7128-4089)และท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลท่าข้าม หมู่ที่ 8 โรงเรียนคลองตำหรุ(เดิม) (ติดต่อนายอดุลย์ ศุภรัตน์ โทร.08-6837-6628



นั่งช้างท่องป่า
อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
โขลงช้างหลายสิบเชือกที่ยืนเรียงรายอยู่ริมลำน้ำสร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวที่ต่างกรูเข้าไปใกล้ๆ บางคนยืนถ่ายรูปคู่กับช้างหลายสิบรูปไม่ยอมหยุด ทั้งๆ ที่อีกสักครู่ก็จะได้ขึ้นนั่งหลังช้างไปเที่ยวในป่าใกล้ๆ นี้แล้ว

แถบ อ.แม่ริม แม่แตง และเชียงดาว มีปางช้างอยู่หลายแห่ง เช่นปางช้างแม่แตง ปางช้างแม่สา ปางช้างแม่ตะมาน ปางช้างเชียงดาว เป็นต้น ทุกวันจะจัดแสดงความสามารถของช้างไทยนับสิบเชือกให้ชมกันเป็นที่สนุกสาน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นบาสเกตบอล แสดงการชักลากไม้ โดยเฉพาะการวาดรูปที่ช้างไทยบางเชือกได้เป็นศิลปินดังระดับโลกเพราะภาพข่าวไปปรากฏตามสื่อต่างๆ ทั่วโลก

หลังชมการแสดงจบแล้วไม่ควรพลาดการขึ้นนั่งช้างพาเดินข้ามลำห้วยไต่เนินเขาชมธรรมชาติในป่าอันร่มรื่นระยะทางไม่ไกลนัก ใช้เวลาราว 1-2 ชั่วโมง กลับมาแล้วยังอยากใกล้ชิดกับช้างอีกก็ไปร่วมกับควาญช้างให้อาหารหรืออาบน้ำช้างด้วยก็ได้
บอกได้เลยว่ากิจกรรมนั่งช้างจะสร้างความประทับใจให้ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเยาว์ไม่น้อยหน้ากันทีเดียว

ปางช้างส่วนใหญ่มีร้านอาหาร ปางช้างแม่แตง โทร.0-5320-6047 ปางช้างแม่ตะมาน โทร.0-5329-7060


ขี่จักรยานเสือภูเขาลุยสวน
อ.เมือง จ.นครนายก
เมื่อเท้าเริ่มถีบบันไดของจักรยาน ล้อสองล้อก็เริ่มหมุนวน และค่อยๆ วิ่งเลาะขอบทางเรียบเข้าสู่ร่มเงาไม้ใหญ่สลับกับท้องทุ่งที่สายลมเย็นพัดโชยพากลิ่นหอมของดอกไม้ กลิ่นดิน กลิ่นน้ำจากแม่น้ำนครนายกโชยมาให้ชื่นใจ

ในนครนายกมีเส้นทางสำหรับขี่จักรยานหลายสิบเส้นทางทั้งระยะทางสั้นและยาว ทางลาดเรียบเลาะตามเรือสวน และทางลูกรังลุยธารน้ำในชมธรรมชาติในราวป่า

เส้นทางที่นิยมกันมากคือ เส้นทางวังตะไคร้-วังยาว ระยะทาง 22 กิโลเมตร เริ่มต้นบริเวณเชิงสะพานวังตะไคร้ หน้าร้านลุงเหลี่ยม มุ่งตรงไปทางน้ำตกนางรอง เข้าถนนเล็กๆ ไปวัดท่าด่าน หุบเมย เมื่อสุดถนนเลียบคลองส่งน้ำให้เลี้ยวขวาเขาถนนลาดยางเล็กๆ ช่วงนี้จะเป็นสวนผลไม้สลับกับท้องทุ่งสวยงาม ขี่ไปจนถึงสี่แยกบ้านวังยาว ถ้ายังไม่เหนื่อยเลี้ยวซ้ายไปตามทางผ่านวัดคีรีวัน แล้ววนกลับมายังจุดเริ่มต้น

หากชอบผจญภัย จากสี่แยกบ้านวังยาวให้ขี่ตรงไปตามถนนลูกรังยาว 1 กิโลเมตร จนพบแม่น้ำนครนายก ช่วงฤดูหนาวน้ำลึกไม่เกินเข่า ขี่ลุยน้ำไปได้เลย ทางจะขรุขระให้อารมณ์ของการขี่เสือภูเขา

เส้นทางนี้จึงเรียกได้ว่าครบเครื่อง ขี่สนุกเพลิดเพลินกันได้ทั้งวันเลยที่เดียว

มีร้านให้เช่าจักรยาน รวมทั้งล่องแก่งหลายแห่ง แนะนำอดิเรกคายักมาสเตอร์ ใกล้ครัววังมะนาว(โทร.0-3739-3518) สาริการแอดเวนเจอร์พอยนท์(โทร.0-3732-8432) แพ แคนู แคมป์(โทร.0-3738-5042)


ล่องเรือดูนกบึงบอระเพ็ด
อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์
บึงบอระเพ็ดเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศเป็นที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์นับร้อยชนิด โดยเฉพาะนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ที่พบเพียงแห่งเดียวในโลก

ทุกปีเมื่อลมหนาวมาเยือนประเทศไทย ฝูงนกอพยพที่บินหนีหนาวจากแดนไกลก็จะมาพึ่งพิงบึงน้ำแห่งนี้เป็นแหล่งอาศัย ด้วยสภาพพื้นที่รอบบึงที่มีพันธุ์ไม้นานาชนิด ทั้งกก อ้อ พงแขม ในบึงน้ำมีทั้งบัวบา สันตะวา สาหร่ายต่างๆ ทำให้มีปลาชุกชุม เป็นอาหารของนกอพยพ โดยเฉพาะฝูงนกเป็ดน้ำนับหมื่นตัวที่อพยพมาพักพิงอาศัย หลายชนิดใกล้สูญพันธุ์ เช่น นกกระทุง นกช้อนหอยดำเหลือบ นอกจากนี้ยังมีนกน้ำประจำถิ่นที่มีสีสันสวยงามน่าชม ไม่ว่าจะเป็นนกอัญชัญคิ้วขาว นกอีแจวนางยาว นกกระเต็นอกขาว รวมไปถึงเหยี่ยวหลายชนิดที่มาโฉบกินปลา

ฤดูกาลนี้จึงเป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับการดูนกน้ำที่บึงบอระเพ็ดและยิ่งถ้าได้ล่องเรือชมทุ่งดอกบัวสายสีชมพูบานสะพรั่งเต็มท้องน้ำ พร้อมกับสายหมอกนวลในยามเช้า หรือยามเย็นที่พระอาทิตย์ดวงกลมโตสีส้มแดงกำลังจะตกลับขอบฟ้า ก็สวยจนแทบจะลืมหายใจเลยทีเดียว

มีเรือบริการอยู่ที่บริเวณอุทยานนกน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด (โทร.08-1786-4330)หรือที่ศูนย์พัฒนาประมงน้ำจืด


ล่องแก่งลำน้ำว้า
อ.แม่จริม จ.น่าน
ท่ามกลางสายน้ำสีเงินทอดยาวคดโค้งผ่านผืนป่าใหญ่ที่กำลังผลัดใบเปลี่ยนสีจากเขียวเข้มเป็นเหลือง ส้ม แดงเจิดจ้า เรือยางสีสดหลายสิบลำล่องผ่านแก่งใหญ่น้อยในสายน้ำว้า ผู้คนในเรือส่งเสียงร้องตื่นเต้นดังไปไกลหลายคุ้งน้ำ

ลำน้ำว้าเป็นสายน้ำเล็กๆ ที่มีต้นกำเนิดจากทิวเขาหลวงพระบางชายแดนไทย-ลาว ไหลเลาะผ่านแนวป่าเขาเขียวขจี มีแก่งหินและวังน้ำอยู่หลายสิบแหง จึงมีผู้นิยมมาล่องแก่งกันเป็นจำนวนมาก โดยมีสองเส้นทาง คือ ลำน้ำว้าตอนกลาง สำหรับมือเก๋าที่ต้องคัดพายสู้กับสายน้ำถึง 3 วัน 2 คืน ระยะทางยาวกว่า 80 กิโลเมตร แต่ที่นิยมกันมากกว่าคือ ลำน้ำว้าตอนล่าง เป็นช่วงไหลผ่านอุทยานแห่งชาติแม่จริม ระยะทางยาวเพียง 15 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงก็ล่องผ่าน มีแก่งเล็กๆ สามสี่แก่งให้ลองฝีผายก่อนลำน้ำจะแคบเข้าผ่านแก่งหลวงที่คดโค้ง บางช่วงลำธารลดระดับลงคล้ายน้ำตกเล็กๆ ยาวถึง 800 เมตร ให้หัวใจได้เต้นระทึก ก่อนจะผ่อนคลายแต่ท้าทายกับแก่งสาลี แก่งต้นไทร แก่งสวนหิน ซึ่งมีลักษณะเป็นแก่งหิน และสายน้ำแตกต่างกันออกไป สร้างความตื่นเต้นระทึกใจให้ลืมไม่ลงเลยทีเดียว

ช่วงเวลาที่เหมาะกับการล่องแก่งลำน้ำว้าประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม

มีบริษัททัวร์หลายแห่งให้บริการลองแก่งด้วยแพยางลำน้ำว้า มีให้บริการติดต่อได้ทั้งที่ อ.เมือง และ อ.แม่จริม แนะนำน่านทัวริ่ง(โทร.08-1961-7711)


เที่ยวถ้ำปางมะผ้า
อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน
ปางมะผ้า อำเภอเล็กๆ ใน จ.แม่ฮ่องสอน โด่งดังไปทั่วโลกด้วยเถื่อนถ้ำนับร้อยแห่ง บางแห่งเป็นถ้ำลึกยาวที่สุดในเอเชีย บางแห่งค้นพบโครงกระดูกและโลงของมนุษย์โบราณ บางแห่งกว้างใหญ่จนสามารถล่องแพภายในถ้ำได้ นักผจญภัยผู้นิยมการเที่ยวถ้ำจากทุกมุมโลกจึงพากันเดินทางมาที่นี่

ในบรรดาถ้ำที่ยังบริสุทธิ์จำนวนมาก มีถ้ำเพียงไม่กี่แห่งที่ได้พัฒนาและจัดการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยถ้ำที่ได้รับความนิยมมากมีสองแห่ง คือ ถ้ำลอดและถ้ำแม่ละนา ถ้ำลอดเป็นถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีลำน้ำลางไหลผ่าน สามารถล่องแถไม้ไผ่เข้าไปได้ หรือเดินเข้าไปในถ้ำระยะทางราว 500 เมตร จะพบถ้ำใหญ่สามถ้ำ คือ ถ้ำเสาหิน ที่มีเสาหินสูงใหญ่หลายต้น ถ้ำตุ๊กตา มีหินงอกเป็นปุ่มปมคล้ายตุ๊กตา และถ้ำผีแมน มีโลงไม้ใหญ่ สันนิษฐานว่าเป็นโลงของมนุษย์โบราณ

ส่วนถ้ำแม่ละนายาวถึง 12 กิโลเมตร ยาวที่สุดในเอเชีย แต่เพื่อความปลอดภัยจึงได้กำหนดเส้นทางเที่ยวถ้ำไว้เพียง 2.5 กิโลเมตร เพราะต้องเดินลุยลำน้ำไปตลอด เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบการผจญภัย ภายในถ้ำมืดสนิท ต้องใช้ไฟฉายความแรงสูง เส้นทางจะผ่านโขดหินใหญ่ หินงอกหินย้อยอันงดงามไปจนถึงอ่างน้ำขนาดใหญ่ภายในถ้ำ

๐ควรเที่ยวเป็นกลุ่มประมาณ 5-10 คน
๐ทุกคนควรมีอุปกรณ์สร้างแสงสว่างประจำตัว ได้แก่ หมวกนิรภัยที่มีดวงไฟติดหน้าหมวก ไฟฉายพร้อมถ่านไฟฉายและหลอดสำรอง เทียนและไฟแช็ก เก็บไว้ในถุงพลาสติกที่ผนึกกันน้ำไว้อย่างดี
๐ใส่เสื้อผ้าหนาๆ กันหินบาด และสวมรองเท้าที่แข็งแรงทนทาน
อย่าลองปีนป่ายหน้าผาที่อันตรายและบุกเข้าไปในที่ลำบาก
การเข้าชมถ้ำลอดต้องติดต่อที่สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าถ้ำน้ำลอด(โทร.0-5361-7218)ส่วนถ้ำแม่ละนา ติดต่อศูนย์บริการเที่ยวถ้ำบ้านแม่ละนา (โทร.0-5361-9028)


ล่องแก่งลำน้ำเข็ก
อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
แพยางหลายสิบลำและหลากสี ทั้งน้ำเงินเข้ม สดส้มชมพูเจิดจ้า ลอยตัวรายเรียงอยู่ริมลำน้ำ บนฝั่งนักท่องเที่ยวในชุดสวมหมวกและเสื้อชูชีพตั้งใจฟังคำอธิบายการล่องแก่ง ก่อนจะร่วมผจญภัยไปกลางสายน้ำขุ่นข้นที่กระทบแก่งเป็นฟองขาวคล้ายน้ำเดือดพล่าน

ลำน้ำเข็กหรือแม่น้ำวังทอง เกิดจากการไหลมารวมกันของคลองเข็กน้อยและคลองเข็กใหญ่ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ มีความยาวนับร้อยกิโลเมตรแต่ช่วงลำน้ำที่นิยมล่องแพบริเวณบ้านทรัพย์ไพรวัลย์นั้นยาวไม่ถึง 10 กิโลเมตรใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือประมาณเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน

ทางช่วงแรกเป็นลำน้ำนิ่งก่อนเข้าสู่แก่งเล็ก ๆ สามสี่แก่งเป็นการลองเชิง จากนั้นกระแสน้ำจะไหลรุนแรงผ่านแก่งยาง แก่งรัชมังคลาและแก่งซาง ซึ่งเหมือนน้ำตกต่างระดับกันสี่ชั้น ทำให้เรือยางโยนตัวมุดน้ำก่อนจะโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง สร้างความตื่นเต้นให้กับนักล่องเรือ แล้วจึงเข้าสู่แก่งนางคอยที่ถือเป็นไฮไลต์ ด้วยเป็นน้ำตกสูงกว่า 2 เมตร ทางช่วงสุดท้ายปล่อยให้นักผจญภัยผ่อนคลายไปกับความคดโค้งของแก่งยาว

ตลอดระยะทางซึ่งมีทั้งตื่นเต้น หวาดเสียว และโล่งใจเมื่อผ่านพิชิตมาได้จะประทับเป็นความทรงจำที่หลายคนอยากหวนกลับมาอีก


ดูนกอพยพที่แหลมผักเบี้ย
อ.เมือง จ.เพชรบุรี
เมื่อยามลมหนาวแรกเริ่มพัดมาจากเมืองจีน ฝูงนกอพยพหลายร้อยชนิด นับพันนับหมื่นตัวจะบินล่องใต้เป็นระยะทางไกลหลายพันกิโลเมตร เพื่อย้ายถิ่นหากินและแหล่งอาศัยโดยมีจุดแวะพักสำคัญที่บริเวณอ่าวไทยตอนใน โดยเฉพาะตามนาเกลือริมชายฝั่งตั้งแต่แถบ อ.บ้านแหลม มาจนถึงแหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี

แนะนำให้นั่งเรือจากคลองอีแอด ใกล้แหลมผักเบี้ย ล่องไปตามคลองที่สองฝั่งเต็มไปด้วยต้นแสมและต้นโกงกาง อาจพบนกกระเต็นสีฟ้าสด นกยางสีขาว ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็จะออกถึงทะเล ในยามน้ำลงที่ปลายแหลมผักเบี้ยจะมีนกหลากชนิด ทั้งนกทะเลอย่างนกนางนวล นกหัวโตมลายู ซึ่งล้วนแล้วแต่มีรูปร่างและสีสันที่แตกต่างกันออกไป โชคดีอาจพบนกหายากระดับโลก เช่น นกชายเลนปากช้อน นกลอยทะเลคอแดง เป็นรางวัลสำหรับผู้มาเยือน

ควรเตรียมอาหารกลางวันไปด้วยจะได้อยู่ชมนกที่กลางสันดอนทรายของแหลมผักเบี้ยไปจนถึงยามเย็นเพื่อชมความงดงามยามพระอาทิตย์ตกน้ำเป็นของแถม

จุดลงเรืออยู่บริเวณคลองอีแอด ใกล้แหลมผักเบี้ย ในฤดูท่องเที่ยวสามารถติดต่อที่ซุ้มบริการของ อบต. บริเวณท่าเรือ หากต้องการดูนกทั้งวัน ติดต่อพี่แดง โทร.08-0223-5250


อาบน้ำแร่แจ้ซ้อน
อ.แจ้ซ้อน จ.ลำปาง
ในยามเช้าที่แสงแดดลำแรกเริ่มสาดส่องกระทบบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน อาบไล้ผิวน้ำและละอองหมอกควันอันหนาทึบของน้ำพุให้เป็นสีทองอร่ามรังสรรค์ให้ปรากฏการณ์ธรรมชาติจากความร้อนใต้พื้นโลกงดงามเกินคำบรรยาย

น้ำพุร้อนแจ้ซ้อนเป็นบ่อหินตื้นๆ มีหินรูปทรงต่างๆ ทั้งแผ่นและก้อนกระจัดกระจายอยู่รอบบ่อน้ำเก้าบ่อ บนลานกว้างประมาณ 3 ไร่ น้ำแร่บริเวณนี้มีปริมาณซัลไฟด์หรือกำมะถันเพียง 0.1 มิลลิกรัม/ลิตร เหมาะสำหรับการนำน้ำแร่มาอาบหรือลงแช่ บางคนก็นิยมนำไข่ไก่หรือไข่นกกระทาลงไปต้มเพื่อพิสูจน์ความร้อน ซึ่งแปลกที่ว่าน้ำร้อนเหล่านี้จะทำให้ไข่แดงสุกมากกว่าไข่ขาว

หากอยากทดลองอาบน้ำแร่ หรือลงแช่น้ำร้อน ก็มีทั้งแบบตักอาบ หรือแช่ในบ่อถึง 21 ห้อง โดยมีการต่อท่อน้ำร้อนมาจากบ่อพักและควบคุมอุณหภูมิสูงเพียง 39-42 องศาเซลเซียส ไม่ร้อนเกินกว่าจะลงไปนอนแช่ได้แบบสบายๆ

การแช่น้ำแร่มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยให้การไหลเวียงโลหิตดีขึ้น รักษาโรคผิวหนังบางชนิด โรคไขข้ออักเสบ เป็นต้น

การแช่น้ำแร่ให้ปลอดภัย อย่ารีบร้อนลงแช่ทั้งตัว ให้เริ่มจากจุ่มเท้าลงในน้ำร้อนก่อนรอจนเมื่อคุ้นเคยกับความร้อนแล้วจึงค่อยๆตามด้วยส่วนอื่นลงไปจนกระทั่งแช่ทั้งตัวพอรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยก็ให้ขึ้นจากอ่างแช่อย่าฝืนแช่อยู่นานเกินไป

10 ที่ท่องเที่ยวเมืองหนาว ที่น่าไปเยือน




สังขละบุรี
อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
สะพานไม้โย้เย้ยืนตัวทอดข้ามเชื่อมสองฝั่งแม่น้ำซองกาเลียในท่ามกลางไอหมอกอรุณรุ่ง ยามเช้าหมู่พระสงฆ์ออกบิณฑบาต มีชาวมอญคอยถวายข้าวปลาอาหาร คือภาพจำอันงดงามของผู้คนที่ได้มาเยือนเมืองเล็กๆ แห่งนี้

เมืองสังขละบุรีเดิมเคยตั้งอยู่ ณ บริเวณที่สายน้ำซองกาเลียรันตี และบีคลี่ ไหลมาพบกันเป็นสามประสบ แต่เมื่อมีการสร้างเขื่อนเขาแหลม วัดและชมชนจึงย้ายมาอยู่ริมแม่น้ำซองกาเลีย ฝั่งหนึ่งเป็นวัดวังก์วิเวการามที่หลวงพ่ออุตตมะ พระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตานำชาวมอญ ปกากะญอ และพม่า สร้างสะพานไม้ข้ามมายังตัวเมือง ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อนอันงดงาม แกะสลักโดยช่างชาวมัณฑะเลย์ และบริเวณใกล้เคียงยังได้สร้างเจดีย์พุทธคยาจำลอง เจดีย์แบบศิลปะอินเดียวสีทองอร่าม อยู่ท่ามกลางชุมชนชาวมอญที่อพยพมาเมื่อกว่า 50 ปีก่อน

นี่เป็นเมืองเล็กๆ ที่วันเวลาดูเหมือนจะสงบนิ่งอย่างเยือกเย็น น่าหลงใหลจนมิอาจไม่ไปเยือนดูสักครั้ง


สามเหลี่ยมทองคำ
องเชียงแสน จ.เชียงราย
ลำน้ำโขงทอดตัวโค้ง สายหมอกลอยอ้อยอิ่ง แสงเช้าค่อยๆ เผยตัวจากขอบฟ้าเหนือเมืองเชียงแสนขณะที่ลมหนาวพัดมาเอื่อยๆ ความงดงามของธรรมชาติริมฝั่งโขงดึงดูดให้ที่นี่เป็นจุดหมายของหลายคน โดยเฉพาะที่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ รอยต่อของสามประเทศ คือ ไทย ลาว และพม่า ซึ่งเคยเป็นแหล่งปลูกฝิ่นและผลิตเฮโรอีนแหล่งใหญ่ของโลก

เมืองเชียงแสนมีประวัติความเป็นมาเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยแรกเริ่มของอาณาจักรล้านนา ซึ่งปัจจุบันยังคงปรากฏโบราณสถานให้เราได้เที่ยวชม หากจะทำบุญไหว้พระแนะนำให้ไปที่วัดพระธาตุผาเงาพร้อมกับชมทิวทัศน์กว้างไกลอันงดงามของลำน้ำโขงจากบนยอดเขา จากนั้นไปกราบพระธาตุจอมกิตติเพื่อความเป็นสิริมงคล สำหรับผู้รักธรรมชาติไม่ควรพลาดทะเลสาบเชียงแสน โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวจะมีนกอพยพนับหมื่นตัวมาแวะพักอาศัยหลายชนิดเป็นนกหายากที่พบครั้งแรกในเมืองไทยที่นี่

ถ้าจะมีเมืองใดที่มีทั้งความงามของสายน้ำอดีตเก่าแก่ วัดวาอารามที่สวยงาม อากาศบริสุทธิ์ เชียงแสนคือเมืองนั้น


ดอยแม่สลอง
อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
ลัดเลาะไปตามไหล่เขาที่สูงชันและคดเคี่ยวสู่จุดหมายบนดอยแม่สลอง ที่ซึ่งคุณจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชนชาวเขาเผ่าต่างๆ บนดอยสูง โดยเฉพาะบนดอยแม่สลองคือชุมชนใหญ่ของอดีตทหารจีนกองพล 93 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้ลี้ภัยมาอาศัย

บ้านสันติคีรีเป็นชุมชนใหญ่หลายร้อยหลังคาเรือน มีอากาศเย็นสบายตลอดปี เมื่อเดินตามถนนสายหลักกลางหมู่บ้านจะเห็นร้านจำหน่ายชาเรียงรายให้เราทดลองเข้าไปชิมและเลือกซื้อ ชาที่มีขื่อเสียงที่สุดคือชาอู่หลง ซึ่งมีกลิ่นหอมพิเศษ จากนั้นแวะไปเยี่ยมชมสุสานของนายพลต้วนซีเหวิน ผู้นำกองทหารจีนในอดีต

จากหมู่บ้านไปอีกไม่ไกลบนดอยสูงเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทรามหาสันติคีรี และเป็นจุดสูงสุดของดอยแม่สลองซึ่งมีทิวทัศน์เทือกเขากว้างไกลงดงามมาก

การเดินทางขึ้นสู่ดอยแม่สลองในช่วงฤดูหนาวจะได้ตื่นตาตื่นใจกับต้นซากุระหรือต้นนางพญาเสือโคร่งที่ออกดอกสีชมพูพราวเต็มต้นตลอดสองข้างทาง สวยงามจนทุกคนต้องถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก



แม่แจ่ม
อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
ถ้ามองลงมาด้วยสายตาของนกจากถนนที่แล่นลงมาจากดอยอินทนน์จะเห็นสายน้ำแม่แจ่มสะท้อนประกายแดดระยิบและมีหย่อมบ้านใหญ่น้อยเรียงรายอยู่ริมแม่น้ำทอดไปไกลภายในที่ราบกลางหุบเขา

ด้วยหนทางอันยากลำบา แม่แจ่มจึงยังคงความสงบงาม มีประเพณีวัฒนธรรมที่สืบทอดมาแต่อดีต ไม่ว่าจะเป็นการล่องสังขารในเทศกาลสงกรานต์ งานบุญปอยหลวง งานจุลกฐิน ทั้งยังมีวัดเก่าแก่งดงาม โดยเฉพาะวัดกองกานที่ประดิษฐานพระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแม่แจ่ม แม้แต่วิหารไม้ยังปรากฏงานแกะสลักไม้อันประณีต วัดพุทธเอ้นมีโบสถ์เก่ากลางน้ำ วัดป่าแดดมีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างชาวไทยใหญ่ ส่วนที่วัดยางหลวงด้านหลังวิหารมีกิจกูฏหรือกู่ปราสาทสร้างจากปูนประดับลวดลายปูนปั้นงดงามน่าชม

รอบๆ ชุมชนยังเต็มไปด้วยไร่นาเหมืองฝายให้สัมผัสวิถีชีวิตชนบท หากเดินไปตามบ้านเรือน ต.ช่างเคิ่ง ต.ท่าผา ก็จะเห็นชาวบ้านนั่งทอผ้าอยู่ใต้ถุนเรือน มีเรือนหมอเมืองผู้ชำนาญด้านสมุนไพรภูมิปัญญาท้องถิ่นที่บ้านยางหลวง



วังน้ำเขียว
อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
เมื่อคุณได้เมาเยือนที่นี่ วังน้ำเขียว “สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน” ขอให้คุณสูดอากาศเบาสบายเข้าไปให้เต็มปอด ยิ่งในยามเช้าที่ทะเลหมอกปกคลุมทั่วหุบเขาท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็น ความบริสุทธิ์สงบของธรรมชาติรอบตัว จะคลายความทุกข์ความกังวนให้คุณได้รู้สึกพักผ่อนอย่างแท้จริง

เพียงไม่กี่ปีมานี้ วังน้ำเขียวกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทุกคนต่างมุ่งมาหา ด้วยเป็นแหล่งโอโซนติดอันดับ 7 ของโลก และเป็นแหล่งปลูกพืชผักผลไม้ดอกไม้ที่น่าชมและเลือกซื้อ ที่เด่นๆ ก็เช่น สวนเบญจมาศ แปลงผักปลอดสารพิษ โรงเพาะเห็ดหอม ไร่องุ่นสำหรับทำไวน์ เรียกว่าได้ทั้งความเพลิดเพลินความรู้ด้านเกษตร และของกินของฝากติดไม้ติดมือกันในคราวเดียว

หากอยากสัมผัสธรรมชาติให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เดินทางจากวังน้ำเขียวไม่ไกลก็จะเข้าถึงพื้นที่ชายขอบของเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งมีโอกาสเผ้าดูฝูงกระทิง สัตว์ป่าหายาก มีให้เลือกชมได้สองจุด คือ ที่บริเวณเขาแผงม้า และหน่วยพิทักษ์ ขญ 14 คลองปลากั้ง
หนาวนี้หากคิดจะพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูสุขภาพทั้งกายและใจวังน้ำเขียวรอคุณอยู่



เมืองน่าน
อ.เมือง จ.น่าน
ในยามเช้า สายหมอกโรยตัวรอบๆ กาดอันมีชีวิตชีวาด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของ บ้างเป็นแม่อุ๊ยเฒ่าเก็บผักข้างบ้านมาขาย บ้างเป็นแผงขายปลา ขายผักพื้นบ้านและสินค้าสารพัด พอแดดออกตลาดก็วาย เป็นภาพชีวิตน่าประทับใจในเมืองเล็กๆ อย่างเวียงน่าน

เมืองน่านยังหลงเหลือร่องรอยของความเป็นล้านนาอย่างสูงอยากรู้ประวัติเมืองให้เข้าไปชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ก่อนแล้วแวะไปกราบพระประธานสี่ทิศในวิหารจัดรมุข วัดภูมินทร์ ชมจิตรกรรมฝาผนังที่จะเห็นรูปการแต่งกายของชายหญิงในสมัยก่อน จากนั้นเพียงแค่ข้ามถนนออกมาก็สามารถเดินไปกราบพระเจดีย์ช้างค้ำที่ได้รับอิทธิพลศิลปะสถาปัตยกรรมจากสุโขทัย ใกล้ๆกันที่วัดหัวข่วงมีหอไตร วิหาร และเจดีย์ งานฝีมือช่างเมืองน่านแท้ๆ

ตรงมุม ถ.ผากองนั้นเป็นคุ้มเจ้าราชบุตร(หมอกฟ้า ณ น่าน) เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นให้ได้ชมข้าวของเครื่องใช้ไม้สอยและภาพถ่ายบอกเล่าเรื่องราวอันรุ่งเรืองของเมืองน่านเมื่อครั้งอดีต



ปาย
อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน
เมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำในหุบเขากว้างแห่งนี้มากด้วยเสน่ห์ชาวหลงใหลกับบรรยากาศแสนโรแมนติกท่ามกลางธรรมชาติสวยสด ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกให้เข้ามาสัมผัสความทันสมัยที่ผสมกับความเป็นพื้นเมืองอย่างลงตัว

ด้านหนึ่งปายยังมีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ให้เที่ยวอยู่นอกเมือง อย่างน้ำตกหมอแปง น้ำพุร้อนท่าปาย น้ำตกแม่เย็น หรือสายน้ำปายที่สามารถลงล่องแพได้ อีกด้านหนึ่งก็มีวัดที่มีศิลปะแบบไทยใหญ่ให้ชม เช่น วัดกลาง วัดหลวง วัดน้ำฮู้ วัดพระธาตุแม่เย็น หากอยากเห็นเมืองปายโบราณขึ้นไปบ้านเวียงเหนือ ยังเหลือร่องรอยของคูน้ำกำแพงดินประตูเมืองทั้งสี่ทิศ แวะสักการะที่วัดศรีดอนชัย วัดเก่าแก่สร้างเมื่อราว พ.ศ.2054

สีสันของเมืองปายเริ่มตั้งแต่จุดชุมนุมยามเช้าบริเวณตลาดเก่าบน ถ.รังสิยานนท์ มีอาหารเช้าให้เลือกตามใจชอบ หรือเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งเล่นตามร้านกาแฟหลายแบบหลากสไตล์ เมื่อยามเย็นเดินทางมาถึงแสงสีของร้านรวงบนถนนเส้นเดียวกันนี้ต่อเนื่องไปถึง ถ.ชัยสงคราม ต่างส่องสว่างเพื่อต้อนรับแขกต่างเมืองที่มาชุมนุมกันบนถนนคนเดิน



เมืองสามหมอก-ปางอุ๋ง
อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน
เมืองแม่ฮ่องสอนเป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบ น่ารัก เดินเล่นจนรอบเมืองแล้วก็ยังไม่เหนื่อย

ในช่วงเช้าความคึกคักอยู่บริเวณตลาดกลางเมืองกับอาหารการกินและวิถีชีวิตของชาวเมืองสามหมอก

แล้วไปดื่มด่ำกับความงดงามของวัดสถาปัตยกรรมแบบไทยใหญ่ที่วัดจองคำและวัดจองกลางพร้อมกับเก็บภาพที่ระลึกกับมุมถ่ายภาพสวยที่สุดที่หนองจองคำ จากนั้นไปนมัสการพระเจ้าพาลาละแข่งที่วัดหัวเวียง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยทรงเครื่องจำลองจากพระมหามุนีในเมืองมัณฑะเลย์ ช่วงเย็นขึ้นไปไหว้พระธาตุบนยอดดอยกองมู หรือเดินเล่นที่ถนนคนเดินใกล้วัดจองคำและวัดจองกลาง ตบท้ายด้วยการนั่งเล่นหย่อนใจในร้านกาแฟสดที่มีให้เลือกหลายร้าน

ออกจากเมืองแม่ฮ่องสอนไปไม่ไกล คือแหล่งท่องเที่ยวที่กำลังขึ้นชื่อไม่แพ้ปาย นั่นคือปางอุ๋ง ด้วยความงดงามของทิวทัศน์ริมทะเลสาบปางตองกับบรรยากาศชวนฝันยามเช้าที่มีไอหมอกลอยเรี่ยผิวน้ำ เป็นเสน่ห์ที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเก็บความทรงจำดีๆ ด้วยการกางเต็นท์นอนริมทะเลสาบ



เมืองลำพูน
อ.เมือง จ.ลำพูน
ลำพูนเมืองเล็กๆ แต่เก่าแก่ที่สุดในล้านนา ที่ถึงเมืองอื่นๆ จะเติบโตรวดเร็วเพียงใด ที่นี่ก็ยังดำรงชีวิตเนิบช้าแต่งดงาม

เริ่มต้นยามเช้าที่กาดหนองดอกกับภาพผู้คนจับจ่ายซื้อของขายของ มีทั้งเครื่องเทศและผักพื้นบ้านมากมายจากนั้นเข้าไปที่วัดจามเทวีซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน มีเจดีย์กู่กุดเป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมซึ่งมีซุ้มจระนำศิลปะแบบทวารวดีตอนปลายว่ากันว่าเป็นต้นแบบสถาปัตยกรรมของหริภุญชัย เสร็จแล้วลองเรียกรถสามล้อให้พาไปที่ ถ.อินทยงยศ ชมคุ้มเจ้าหลวง อาคารแบบยุโรปครึ่งตึกครึ่งไม้ หรือบ้านเรือนแถวไม้สองชั้น มีราวไม้ฉลุลายเรียงรายอยู่หลายหลัง

สิ่งสำคัญที่พลาดไม่ได้คือการกราบนมัสการพระธาตุหริภุญชัย ก่อนข้ามไปซื้อของฝากของที่ระลึกหลากหลายบนขัวมุง (สะพานไม้มุงหลังคา) ตรงประตุเมืองเก่าชื่อว่าท่าสิงห์ แล้วเดินข้ามไปยังถิ่นคนยอง ชมข้าวของเครื่องใช้โบราณและภาพถ่ายเก่าแก่ในวัดต้นแก้ว
สุดท้ายจะนั่งคุยกับพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ยที่รวมกลุ่มกันมานั่งทอผ้าทำเครื่องจักสาน หรือจะนั่งรับลมเย็นจากแม่น้ำกวง ก็ใช้เวลาเนิบช้าได้ตามแต่ใจ


เชียงคาน
อ.เชียงคาน จ.เลย
หากคุณมองหาเมืองที่สงบเรียบง่ายกับวิถีชีวิตของผู้คนที่ดูราวจะดำเนินไปอย่างช้าๆ ไร้ความรีบร้อน เช่นเดียวกับเรือนแถวอาคารไม้หลังเก่าที่อยู่มาเนิ่นนาน คอยเฝ้ามองลำน้ำโขงไหลเลียบฝั่งไปเอื่อยๆขอแนะนำให้คุณเดินทางมาที่นี่...เชียงคาน เมืองเล็กๆ ซึ่งกำลังเริ่มเป็นที่สนใจของผู้ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายของเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ

ด้วยความที่เป็นเมืองเล็กๆ การขี่จักรยานเที่ยวเมืองจึงนับว่าสะดวก ในตัวเมืองมวัดศรีคุณเมือง วัดเก่าแก่คู่เมือง จากนั้นออกจากตัวเมืองไปทางแก่งคุดคู้ แวะชมวัดท่าแขก วัดเก่าแก่โบราณริมน้ำโขง ซึ่งมีพระพุทธรูปสลักจากหินทั้งก้อน ส่วนแก่งคุดคู้คือแก่งหินใหญ่ที่กั้นลำน้ำโขงบริเวณช่วงโค้งของลำน้ำพอดี ยิ่งในยามเช้าสายหมอกจะลอยอ้อยอิ่งเหนือแก่งและลำน้ำ มีชาวบ้านนั่งเรือจับกุ้งจับปลาที่ซ่อนตัวตามแก่ง นับเป็นภาพธรรมชาติและวิถีชีวิตที่สงบงาม หรือหากต้องการนั่งเรือชมลำน้ำโขงก็มีเรือให้บริการ

ไหว้พระธาตุประ จํา วัน เกิด




พระธาตุดอยตุง
อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
บนยอดดอยที่มีอากาศเย็นสบายตลอดปี องค์พระธาตุดอยตุงเป็นที่เคารพบูชาของชาวล้านนามาเนิ่นนาน ตามตำนานเล่าว่าพระเจ้าอชุตราช ผู้ครองนครโยนกนาคพันธ์เมื่อกว่าพันปีก่อนเป็นผู้สร้างขึ้น ก่อนการสร้างพระองค์ให้ทำตุงยาว 1,000 วาปักบนยอดเขา หากตุงปลิวสะบัดไปถึงที่ใดก็ให้หมายเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ ดอยลูกนี้จึงมีชื่อว่า “ดอยตุง” มาถึงทุกวันนี้
พระธาตุดอยตุงประกอบด้วยพระเจดีย์สององค์ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนกระดูกไหปลาร้าของพระพุทธเจ้า ใกล้องค์พระธาตุมีรอยแยกบนพื้นซึ่งเชื่อว่าคือที่ใช้ปักตุงตามตำนาน พระธาตุดอยตุงถือเป็นพระธาตุประจำปีกุนหรือปีหมู คนเกิดปีกุนจึงควรหาโอกาสมากราบสักการะ โดยทุกๆ ปีจะมีงานนมัสการพระธาตุในวันเพ็ญเดือน 3 (ราวเดือนกุมภาพันธ์)


พระธาตุดอยสุเทพ
อ.เมือง จ.เชียงใหม่
เดินตามบันไดนาค 185 ขั้นขึ้นไปตามทางลาดชันพร้อมกับสำรวมจิตตั้งใจมั่น ในไม่ช้าองค์พระธาตุสีเหลืองทองอร่ามก็ปรากฏแก่สายตาให้เราก้มกราบสักการะด้วยความปีติ

ดอยสุเทพคือดอยศักดิ์สิทธิ์ของชาวเชียงใหม่ มีพระธาตุดอยสุเทพเป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธา สร้างขึ้นในสมัยพญากือนาแห่งราชวงศ์มังรายเมื่อราว 600 ปีก่อน ในครั้งนั้นพระองค์ได้อาราธนาพระสุมนเถระจากสุโขทัยมาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเชียงใหม่ พระสุมนเถระได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาสององค์ พญากือนาจึงโปรดให้สร้างเจดีย์บรรจุพระธาตุขึ้นที่วัดสวนดอกและวัดพระธาตุดอยสุเทพนี้

พระธาตุดอยสุเทพเป็นพระธาตุประจำปีมะแมหรือปีแพะ ในอดีตผู้มาแสวงบุญต้องเดินจากเชิงดอยผ่านป่ารกทึบเพื่อขึ้นสู่ยอดดอย ซึ่งถือเป็นการบำเพ็ญเพียรในหนทางแห่งการบรรลุธรรม ต่อมาในปี พ.ศ.2478 ครูบาศรีวิชัยได้ร่วมแรงร่วมใจชาวล้านนาสร้างถนนขึ้นจนถึงบริเวณวัด
เมื่อไหว้พระธาตุแล้วอย่าลืมชมทิวทัศน์ตัวเมืองเชียงใหม่ที่สวยงาม ถ้ามีเวลาควรเดินทางขึ้นดอยต่อเพื่อไปชมดอกไม้เมืองหนาว โดยเฉพาะกุหลาบงามหลายร้อยพันธุ์จากทั่วโลกที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์


พระธาตุศรีจอมทอง
อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
ความพิเศษของพระธาตุแห่งนี้คือเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่มิได้ฝังใต้ดินภายในองค์เจดีย์เหมือนพระธาตุแห่งอื่น แต่ประดิษฐานในพระโกศห้าชั้นภายในมณฑปทรงปราสาท อยู่ในวิหารของวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร

พระบรมสารีริกธาตุนี้เป็นส่วนพระเศียรเบื้องขวา ตามตำนานเล่าว่านางเม็งและนายสอยได้พบพระบรมธาตุที่บริเวณดอยจอมทองนี้เมื่อปี พ.ศ.1995 ต่อมาสมัยพระเมืองแก้ว กษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย ซึ่งถือเป็นยุคทองของพุทธศาสนาในล้านนา พระองค์จึงได้สร้างวิหารเพื่อประดิษฐานพระบรมธาตุขึ้น

พระธาตุศรีจอมทองเป็นพระธาตุประจำปีชวดในอดีตเคยมีประเพณีอัญเชิญพระธาตุศรีจอมทองไปเมืองเชียงใหม่เพื่อให้ชาวเมืองเชียงใหม่ได้สรงน้ำบูชาทุกปี ปัจจุบันทุกปีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 และวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 มีพิธีแห่พระบรมธาตุออกจากวิหารไปที่โบสถ์ให้ชาวบ้านได้สรงน้ำ



พระธาตุพนม
อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
ณ ชายฝั่งริมโขง บนแผ่นดินอีสาน คือที่ประดิษฐานแห่งพระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยและชาวลาวที่อาศัยอยู่สองฝั่งลำน้ำ องค์พระธาตุมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยรูปทรงคล้ายกลีบดอกบัวตูม บนองค์พระธาตุประดับลายดอกไม้และพรรณพฤกษาแลดูอ่อนช้อย ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนกระดูกหน้าอกของพระพุทธเจ้า

ตามตำนานเล่าว่ากษัตริย์ห้าองค์ได้ร่วมกันสร้างพระธาตุพนมขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.8 โดยเป็นพระธาตุขนาดเล็กสูงเพียง 2 วา ต่อมาภายหลังจึงได้รับการบูรณะต่อเติมให้สูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลากว่าพันปีมีการบูรณะรวมแล้วถึงหกครั้งกระทั่งในปี พ.ศ.2518 ได้เกิดเหตุพระธาตุพนมพังทลายลง จึงต้องมีการบูรณะพระธาตุขึ้นใหม่จนเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ.2522 มีความสูงถึง 43 เมตร
พระธาตุพนมเป็นพระธาตุประจำปีวอกหรือปีลิง และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของคนเกิดวันอาทิตย์ทุกปีจะมีงานนมัสการพระธาตุพนมในวันขึ้น 10 ค่ำถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3(ประมาณเดือนกุมภาพันธ์)


พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช
อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
พระบรมธาตุเจดีย์เป็นองค์พระธาตุทรงลังกาหรือระฆังคว่ำที่มีขนาดสูงใหญ่มาก โดยสูงถึงกว่า 70 เมตร ส่วนปลียอดหุ้มทองคำหนักกว่า 200 กิโลกรัม ประดิษฐานเป็นศูนย์รวมจิตใจและศรัทธาของชาวใต้มานานนับพันปี

ตามตำนานว่าพระบรมธาตุเจดีย์สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช(พระเจ้าจันทรภานุ) แห่งแคว้นตามพรลิงค์ที่เจริญรุ่งเรืองอยู่ ณดินแดนนี้เมื่อกว่า 700 ปีก่อน ภายในพระบรมธาตุเจดีย์บรรจุพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีตำนานเล่าขานมากมาย ก่อให้เกิดความเคารพศรัทธาอย่างสูง จนมีผู้นำสิ่งของมีค่ามาถวายเป็นเครื่องสักการะนับหมื่นชิ้น ทั้งต้นไม้เงิน ต้นไม้ทอง เงิน พระพุทธรูปทองคำ แหวน กำไล ฯลฯ
ในวันมาฆบูชาและวันวิสาขบูชาจะมีประเพณีที่สืบทอดมายาวนาน คือประเพณีแห่ผ้าขึ้นพระธาตุ ที่ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจะพากันมาร่วมงานบุญอันยิ่งใหญ่

ภายในบริเวณวัดนอกจากองค์พระบรมธาตุแล้วยังมีวิหารที่น่าสนใจชม เช่น วิหารเขียนวิหารพระม้า ฯลฯ


พระธาตุแช่แห้ง
อ.ภูเพียง จ.น่าน
แม้ดอยภูเพียงแช่แห้งจะเป็นเพียงดอยเล็กๆ นอกตัวเมืองน่าน แต่มีตำนานว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาถึง และเกิดปาฎิหาริย์ เมื่อพระอมละราชได้ถวายผ้าขาวให้พระพุทธเจ้าใช้สรงน้ำ แต่ผ้านั้นได้กลายเป็นทองคำ

ต่อมาในสมัยพระยากานเมืองจึงมีการสร้างพระเจดีย์ขึ้นบนดอยแห่งนี้ เนื่องจากพระองค์ได้รับมอบพระบรมธาตุเจ็ดพระองค์ และพระพิมพ์คำ พระพิมพ์เงิน มาจากพระยาลือไทแห่งกรุงสุโขทัย จึงได้ก่อเจดีย์พระธาตุแช่แห้งขึ้น พระธาตุแช่แห้งได้รับการบูรณะมาอีกหลายครั้งจึงมีความงดงามดังที่เห็นในปัจจุบัน โดยมีรูปลักษณะคล้ายพระธาตุหริภุญชัยที่ จ.ลำพูน

พระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีเถาะหรือปีกระต่าย ทุกปีในวันขึ้น 11-15 ค่ำ เดือน 6 เหนือ(เดือน 4 ภาคกลางหรือประมาณเดือนมีนาคม) จะมีประเพณีหกเป็ง ไหว้พระธาตุแช่แห้ง โดยชาวบ้านจะจัดขบวนแห่เครื่องสักการะที่ประดิษฐ์จากกาบกล้วย มีการสรงน้ำและเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุและการแข่งบั้งไฟดอก


พระธาตุลำปางหลวง
อ.เกาะคา จ.ลำปาง
วัดพระธาตุลำปางหลวงตั้งอยู่บนเนินขนาดย่อม ด้านหน้ามีบันไดนาคนำขึ้นสู่ในลานวัดที่มีวิหารหลวงตั้งอยู่ ในวิหารประดิษฐานพระเจ้าล้านทองในกู่ปราสาทสีทองมลังเมลือง ด้านหลังวิหารคือองค์พระธาตุลำปางหลวง เป็นเจดีย์ทรงกลมบุด้วยแผ่นทองแดงปิดทองที่เรียกว่า ทองจังโก มีความงดงามอย่างสูงตามแบบสถาปัตยกรรมล้านนาด้วยฝีมือช่างชั้นครู ถือเป็นพระธาตุประจำปีฉลูหรือปีวัว

ตามตำนานว่าบริเวณวัดแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางของเวียงโบราณชื่อลัมภกัปปนคร เป็นที่ประดิษฐานพระธาตุ ซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนหน้าผากและลำคอ เชื่อว่าเป็นเวียงทางศาสนาโดยเฉพาะ ต่อมาภายหลังจึงมีบันทึกว่าเจ้าหมื่นคำเป๊ก ผู้ครองเมืองลำปางได้บูรณะพระธาตุลำปางหลวงและสร้างวิหารขึ้นในปี พ.ศ.2019

ภายในวัดพระธาตุลำปางหลวงมีสิ่งน่าชมมากมาย เช่น วิหารน้ำแต้มที่ภายในภาพจิตรกรรมเก่าแก่ ส่วนปรากฏการณ์ “ภาพเงาพระธาตุ” มีให้ชมที่หอพระพุทธบาท (ให้ขึ้นชมได้เฉพาะผู้ชาย) และที่วิหารพระพุทธ สำหรับพระแก้วดอนเต้า พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองลำปาง ประดิษฐานอยู่ในหอพระแก้ว


พระธาตุหริภุญชัย
อ.เมือง จ.ลำพูน
ตามตำนานว่าพระธาตุหริภุญชัยสร้างขึ้นโดยพญาอาทิตยราชผู้ครองเมืองหริภุญชัยเมื่อราว พ.ศ.1420 โดยพระองค์อุทิศพระราชวังของพระองค์เพื่อสร้างวัดและพระธาตุเจดีย์ขึ้นเป็นพุทธบูชา เนื่องด้วยมีการดำมาขวางขณะที่พระองค์จะเสด็จลงห้องพระบังคน ภายหลังจึงทรงทราบว่าได้พระราชวังนั้นมีพระบรมสารีริกธาตุ นับแต่นั้นพระธาตุหริภุญชัยก็ได้รับการบูรณะมาหลายครั้ง และเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาในแผ่นดินล้านนามาถึงปัจจุบัน

พระธาตุหริภุญชัยเป็นพระธาตุประจำปีระกาหรือปีไก่ ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงล้านนาหุ้มแผ่นทองสีเหลืองอร่ามทั้งองค์ ก่อนเข้าเขตวัดจะต้องผ่านซุ้มประตูโขงที่ประดับลายปูนปั้นงดงามมาก หน้าองค์พระธาตุคือวิหารหลวง เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วขาวซึ่งจำลองมาจากวัดเชียงมั่น นับถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก

โดยรอบองค์พระธาตุมีหลายสิ่งน่าชม เช่น หอไตรสองชั้นแบบศิลปะล้านนาที่หาชมได้ยาก วิหารพระกลักเกลือซึ่งควรเข้าไปกราบสักการะ
ทุกปีในวันเพ็ญเดือน 6 มีงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุหริภุญชัยซึ่งชาวบ้านจะมาร่วมงานกันอย่างเนืองแน่น


พระธาตุศรีสองรัก
อ.ด่านซ้าย จ.เลย
ย้อนเวลาไปเมื่อราว 450 ปีก่อน ณ เนินเขาริมลำน้ำหมัน รอยต่อเขตแดนแห่งอาณาจักอยุธยาและอาณาจักรล้านช้าง สมเด็จพระมหาจักรพรรดิและสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราชทรงกระทำสัตยาธิษฐานว่าจะไม่ล่วงล้ำดินแดนกันและกัน พร้อมกับสร้างพระธาตุเจดีย์ศรีสองรักขึ้นเป็นสักขี
พระธาตุศรีสองรักเป็นพระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทรงบัวเหลี่ยม ภายในองค์พระธาตุเชื่อว่ากษัตริย์ทั้งสองพระองค์ได้บรรจุสิ่งชองศักดิ์สิทธิ์ไว้เช่น พระพุทธรูป พระธรรมคัมภีร์ ในวันเพ็ญเดือน 6 หรือวันวิสาขชูชา จะมีงานนมัสการพระธาตุ 3 วัน 3 คืน ชาวบ้านจะมีสิ่งสักการบูชาองค์พระธาตุอันเป็นเอกลักษณ์คือ “ต้นผึ้ง” และถือคติห้าวสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงเข้าในเขตงาน หรือนำดอกไม้สีแดงมาบูชา

อ.ด่านซ้ายยังมีงานประเพณีที่โด่งดังไปทั่วประเทศในราวเดือนมิถุนายนของทุกปี คือ ประเพณีแห่ผีตาโขน ซึ่งจัดขึ้นในงานบุญหลวงที่ประกอบด้วยงานบุญพระเวส งานบุญบังไฟและงานแห่ผีตาโขน


พระบรมธาตุไชยา
อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
พระบรมธาตุไชยาเป็นพระธาตุทรงสี่เหลี่ยมจัตุรมุขซ้อนชั้นลดหลั่นกัน และมีสถูปเจดีย์ขนาดเล็กประดับตามมุมแลดูสลับซับซ้อน ประดิษฐานเป็นฯนย์กลางแห่งความศรัทธามาตั้งแต่สมัยศรีวิชัยนับเนื่องจนถึงปัจจุบันได้กว่า 1,000 ปี ที่น่าอัศจรรย์คืออิฐที่ก่อเรียงซ้อนกันเป็นองค์พระธาตุนั้นยังคงทนอยู่ตามสภาพดั้งเดิมโดยมิได้ผ่านการบูรณะหรือเปลี่ยนแปลง จะมีก็เพียงการฉาบปูนบางๆ รอบองค์และการเสริมยอดฉัตรที่หายไปเท่านั้นเอง

ตามประวัติเล่าว่าพระบรมธาตุไชยาสร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ.1200-1500 ในยุคที่อาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรืองเป็นฯนย์กลางแห่งการค้า การปกครอง และพุทธศาสนานิกายมหายานในดินแดนทางใต้ไปถึงเกาะขวา
รอบองค์พระธาตุเป็นระเบียงคดประดิษฐานพระพุทธรูปรวม 180 องค์ ด้านหน้าองค์พระธาตุเป็นวิหารหลวงสร้างยื่นล้ำเข้าไปในวิหารคด เพื่อเป็นที่นมัสการพระบรมธาตุ

หากต้องการชมโบราณวัตถุหลักฐานอันรุ่งเรืองของอาณาจักรศรีวิชัยให้ไปที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร

Monday, October 10, 2011

10 อันดับ น้ำตกน่าเที่ยวในหน้าหนาวนี้




น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี
ปลายฝนต้นหนาว สายธารสีเขียวราวมรกตของห้วยแม่ขมิ้นไหลซอกซอนมาตามผืนป่าเขียวครึ้มบนเทือกเขาหินปูน เกิดเป็นแอ่งน้ำตกกว้างใหญ่ลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ พร้อมกับม่านน้ำตกสีขาวจนนับเป็นน้ำตกหินปูนที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย

น้ำตกห้วยแม่ขมิ้นมีทั้งหมดเจ็ดชั้น แต่ละชั้นมีชื่อเรียก คือ ดงว่าน ม่านขมิ้น วังหน้าผา ฉัตรแก้ว ไหลจนหลง ดงผีเสื้อและร่มเกล้า น้ำตกชั้นที่ 4 คือฉัตรแก้วเป็นชั้นที่สวยที่สุด และอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติห้วยแม่ขมิ้นเพียง 100 เมตร

การมาชมความงามของน้ำตกแห่งนี้ต้องเดินทางกันอย่างสมบุกสมบันพอสมควร โดยมีสองเส้นทางให้เลือก คือ เส้นทางถนนลูกรังจากเขื่อนศรีนครินทร์ซึ่งเหมาะสำหรับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ และเส้นทางลงแพขนานยนต์จากฝั่งด้าน อ.ศรีสวัสดิ์ ข้ามผืนน้ำกว้างของทะเลสาบมาที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์

อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์มีบ้านพัก ที่กางเต็นท์ และร้านอาหาร หรือพักตามแพพักริมทะเลสาบเขื่อนศรีนครินทร์ด้าน อ.ศรีสวัสดิ์ หรือบริเวณเหนือเขื่อนศรีนครินทร์


น้ำตกคลองลาน
อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร
หน้าผาสูงชันตั้งตระหง่านกับมวลน้ำที่อาบเต็มหน้าผาถาโถมลงมากระทบแง่งหินและแอ่งน้ำตกเบื้องล่าง ก่อเกิดละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แม้จะอยู่ไกลจากบริเวณน้ำตก ความเปียกชื้นจากละอองน้ำยังครอบคลุมไปถึง พร้อมๆ กับเสียงน้ำตกที่ดังก้องไปทั่วหุบเขา

น้ำตกคลองลานเป็นน้ำตกใหญ่เกิดจากลำห้วยห้าสายไหลมารวมกันเป็นลำน้ำยาวประมาณ 3 กิโลเมตร จนมาถึงหน้าผาและตกลงมาเป็นน้ำตกสูงถึง 100 เมตร กว้างประมาณ 40 เมตร ความชุ่มชื้นในบริเวณน้ำตกทำให้มีมอสส์ เฟิน โดยเฉพาะเฟินก้านดำ ขึ้นประดับตามโขดหินจนเขียวครึ้ม ส่วนกลางลำน้ำที่ไหลลงมาจากแอ่งน้ำตกมีต้นไคร้น้ำขึ้นประดับราวกับสวนธรรมชาติ โดยมีไม้ใหญ่ขึ้นโอบคลุมสองฝั่งธารน้ำตก
การเดินทางมาน้ำตกคลองลานสะดวกสบายด้วยเส้นทางถนนที่ลาดยางอย่างดี แต่การจะฝ่าละอองน้ำเข้าไปจนถึงฐานใต้น้ำตกต้องการความกล้าและความไม่หวาดหวั่นต่อความเย็นยะเยือกของละอองน้ำที่สาดซัดอยู่รอบตัว

อุทยานแห่งชาติคลองลานมีบ้านพัก ที่กางเต็นท์ และร้านอาหารบริการ โดยเฉพาะลานกางเต็นท์เล็กๆ ริมธารน้ำตกที่นี่นับเป็นลานกางเต็นท์กลางธรรมชาติที่เหมาะมากสำหรับผู้รักความสงบ


น้ำตกแม่ยะ
อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
จากเบื้องล่าง สายธารน้ำสีขาวไหลจากจุดสูงสุดบนยอดน้ำตกลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ นับไม่ถ้วนแผ่กระจายปกคลุมชั้นหินที่ซ้อนทับกันเป็นผาหินกว้างใหญ่ ไม่เกินจริงเลยที่จะกล่าวว่านี่คือน้ำตกที่งดงามและสูงใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย

น้ำตกแม่ยะมีความสูงราว 280 เมตร และกว้างถึง 100 เมตร โดยนับชั้นน้ำตกรวมกันแล้วได้ถึง 30 ชั้น จนเป็นภาพอันท้าทายสำหรับการเดินลัดเลาะตามโขดหินที่สายน้ำไหลหลั่งมา โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวที่ปริมาณน้ำไม่มากจนเกินไป และน้ำใสสะอาดไม่ขุ่นเหมือนยามหน้าฝนที่น้ำป่ารุนแรงชะตะกอนมาด้วย หรือหากจะเล่นน้ำตกในแอ่งน้ำเบื้องล่างก็เล่นได้อย่างปลอดภัย

น้ำตกแม่ยะอยู่ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จากทางหลวงที่ขึ้นดอยอินทนนท์มีถนนแยกเข้าตัวน้ำตกซึ่งเป็นทางเข้าหมู่บ้าน สภาพทางค่อนข้างแคบและขรุขระขึ้นลงเขาชัน ต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง และคอยสังเกตป้ายบอกทางไปน้ำตกให้ดี
บริเวณน้ำตกแม่ยะสามารถกางเต็นท์พักแรมได้ มีร้านอาหารและร้านค้าบริการ


น้ำตกทีลอซู
อ.อุ้มผาง จ.ตาก
เดินลัดเลาะไปตามทางเดินป่าแคบๆที่ปกคลุมด้วยไม้ใหญ่ และป่าไผ่เสียงน้ำตกเริ่มดังมาจากป่าทึบเบื้องหน้า แล้วฉับพลันเส้นทางเดินก็สิ้นสุด พร้อมกับเผยให้เราตะลึงงันกับความอลังการของน้ำตกใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งซ่อนตัวอยู่กลางป่าลึกกับความยากลำบากในการเดินทางเข้าถึงที่วัดใจผู้มาเยือนทุกคน

น้ำตกทีลอซูมีลักษณะเป็นกลุ่มน้ำตกที่ไหลลงมาจากบริเวณหน้าผาเดียวกันซึ่งกว้างถึงกว่า 400 เมตรและสูงถึง 200 เมตร สายน้ำที่ถั่งโถมลงมาส่งละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ส่วนด้านหน้าของน้ำตกเป็นแอ่งน้ำสีเขียวมรกตที่ลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ นับเป็นฉากธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่งดงามเกินบรรยาย

การเดินทางมาน้ำตกทีลอซู จาก อ.แม่สอดต้องผ่านเส้นทางถนนข้ามเขาที่ทั้งสูงชัน แคบ และคดเคี่ยว มีทางโค้งถึง 1,219 โค้ง และจาก อ.อุ้มผางไปน้ำตกทีลอซู เส้นทางรถยนต์จะเปิดเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคมซึ่งต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อหรือรถกระบะเท่านั้น หรือใช้เส้นทางน้ำ คือการล่องแพยางแล้วเดินป่าเข้าถึงตัวน้ำตก ซึ่งจะได้เที่ยวชมธรรมชาติสองฝั่งลำน้ำที่น่าประทับใจ เช่น น้ำตกทีลอจ่อ บ่อน้ำร้อน แก่งตะโคะบิ ผาผึ้ง ผาเลือด เป็นต้น

น้ำตกทีลอซูอยู่ในพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง บริเวณที่ทำการเขตฯ มีที่กางเต็นท์บริการ หรือซื้อแพ็กเกจทัวร์มากับบริษัทนำเที่ยวก็เป็นที่นิยมกัน โดยบริษัทนำเที่ยวส่วนใหญ่มีรีสอร์ตหรือที่พักบริการอยู่ในตัว อ.อุ้มผาง


น้ำตกเหวนรก
อ.เมือง จ.นครนายก
จากบริเวณลานจอดรถริมถนน เดินไปตามทางป่าเกือบ 1 กิโลเมตร จากนั้นค่อยๆ ไต่ลงไปตามทางบันไดที่ลื่น แคบ และสูงชันกว่า 160 ชั้นก็จะถึงเฉลียงชมสายน้ำที่ตกจากผาสูงอย่างรุนแรงส่งละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่ว นี่เป็นเพียงน้ำตกชั้นบนสุดในสามชั้นของน้ำตกเหวนรกที่รวมกันแล้วมีความสูงหลายร้อยเมตร แต่ละชั้นมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่คั่นกลาง แต่ไม่สามารถเล่นน้ำได้ด้วยอันตรายจากความรุนแรงของกระแสน้ำ

เส้นทางเดินป่าไปน้ำตกเหวนรกนั้นจะผ่านป่าดิบชื้นที่หนาทึบมีมอสส์ เฟิน ขึ้นปกคลุมตามลำต้นไม้ใหญ่ หากเดินป่าในช่วงเช้าๆ แนะนำให้เดินเงียบๆ อาจได้พบสัตว์ป่าและนกหลายชนิด เมื่อเดินไปจนเกือบถึงบริเวณน้ำตกจะพบกับท่อนเสาคอนกรีตปักเป็นกำแพงป้องกันโขลงข้างป่าไม่ให้เดินผ่านน้ำตก เนื่องจากเคยเกิดอุบัติเหตุช้างป่าตกเหวมาแล้วหลายครั้ง

น่าเสียดายที่มีเยงน้ำตกชั้นบนสุดเท่านั้นที่เราสามารถชมน้ำตกเหวนรกนี้ได้อย่างปลอดภัยแต่เพียงแค่ชั้นนี้หลายคนก็หวาดหวั่นกับการเดินลงมาชมแล้ว ยังไม่รวมถึงขากลับที่ต้องเดินขึ้นเขาชันกลับขึ้นไปอีก

อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีบ้านพัก ที่กางเต็นท์ ร้านอาหาร และร้านค้าบริการจัดว่าสะดวกสบายมาก


น้ำตกกรุงชิง
อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช
นี่คือน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ เป็นรางวัลสำหรับผู้รักธรรมชาติผู้บากบั่นพร้อมจะก้าวเดินไปตามเส้นทางเดินป่าระยะทางเกือบ 4 กิโลเมตรกว่าจะถึงบริเวณชั้นบนสุดของน้ำตกซึ่งมีทั้งหมดเจ็ดชั้น จากนั้นต้องเดินลัดเลาะหน้าผาชันลงไปยังชั้นที่ต่ำกว่าอย่างยากลำบาก โดยมีจุดหมายปลายทางสำหรับทุกคนที่มาถึงคือ หนานฝนแสนห่า น้ำตกชั้นที่ 2 ซึ่งมีความงามและยิ่งใหญ่มาก

หนานฝนแสนห่าเป็นน้ำตกที่ไหลหลั่งลงมาตามหน้าผ้าหินลาดเอียงที่สูงราว 100 เมตร เกิดละอองฟุ้งกระจายไปทั่วคล้ายสายฝนจนเป็นที่มาของชื่อน้ำตก

ตลอดเส้นทางเดินป่าสู่น้ำตกกรุงชิงผ่านป่าดงดิบทึบซึ่งจะได้พบเห็นสิ่งน่าสนใจมากมาย เช่น ดงมหาสดำซึ่งเป็นเฟินต้นขนาดใหญ่ ต้นหลุมพอยักษ์ ถ้ำประตูชัย ป่ามังคุด ฯลฯ และยังมีโอกาสพบนกหายาก เช่น นกเงือกหลายชนิด

น้ำตกกรุงชิงอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาหลวง บริเวณหน่วยพิทักษ์ อช.เขาหลวงที่ ขล.4(น้ำตกกรุงชิง) มีบ้านพัก ที่กางเต็นท์ และร้านอาหารให้บริการ


น้ำตกตาดหมอก
อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
หนึ่งในน้ำตกสูงที่สุดในเมืองไทย ด้วยความสูงของน้ำตกที่ไหลต่อเนื่องลงมาจากหน้าผาสูงกว่า 200 เมตร สายน้ำตกทิ้งตัวลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ส่งละอองน้ำฟุ้งกระจายราวกับหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณจนเป็นที่มาของชื่อน้ำตก ในช่วงน้ำมากจะมีละอองน้ำสาดซัดจนเราไม่สามารถยืนอยู่ใกล้น้ำตกได้

การเดินทางสู่น้ำตกตาดหมอกจะผ่านป่าดงดิบร่มครึ้มที่มีไม้ใหญ่มากมาย ระยะทางรวมประมาณ 2 กิโลเมตร เส้นทางเลาะเลียบลำธาร บางช่วงต้องเดินลุยน้ำ อาจพบเห็ดมอสส์ เฟิน และดอกไม้ป่าสีสันสวยงามทางช่วงสุดท้ายเป็นทางบันไดปูนขึ้นเขาสูงชัน ทางค่อนข้างลื่นต้องเดินด้วยความระมัดระวัง

ก่อนถึงน้ำตกตาดหมอกมีทางแยกเข้าน้ำตกสองนางซึ่งมีความสวยงามด้วยชั้นน้ำตกขนาดเล็กใหญ่รวมถึง 12 ชั้น บริเวณน้ำตกชั้นล่างมีธารน้ำเล็กๆ ที่ลงเล่นน้ำได้

ความจริงการเดินทางมาน้ำตกตาดหมอกไม่ยากลำบากเพราะอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเพชรบูรณ์นัก แต่กลับเป็นน้ำตกที่แอบซ่อนความยิ่งใหญ่ไว้จากนักท่องเที่ยวเพราะยังมีน้อยคนนักที่ได้เคยมาสัมผัส


น้ำตกแม่สุรินทร์
อ.ขุนยวน จ.แม่ฮ่องสอน
จากศาลาชมวิวจะมองเห็นน้ำตกแม่สุรินทร์ทิ้งตัวลงจากซอกเขาฝั่งตรงข้ามเป็นทางน้ำขาวพลิ้วไหวกลางความเขียวขจีของแมกไม้และขุนเขา ด้วยความสูงถึงเกือบ 200 เมตร เสียงน้ำตกจึงดังกึกก้องไปทั่ว

แต่หากจะสัมผัสน้ำตกแม่สุรินทร์อย่างใกล้ชิด ต้องวัดใจด้วยการเดินดิ่งลงสู่ฐานน้ำตกเบื้องล่าง ซึ่งขอเตือนว่าเหมาะสำหรับผู้มีสภาพร่างกายพร้อมเท่านั้นเพราะเส้นทางดิ่งชันอย่างมาก ระยะทางไปกลับเกือบ 3 กิโลเมตร แต่รางวัลคือภาพน้ำตกทิ้งตัวจากผาสูงลงสู่กองหินระเกะระกะเบื้องล่าง ซึ่งมีน้อยคนลงมาจนถึงบริเวณนี้เพราะส่วนใหญ่เพียงมองน้ำตกจากจุดชมวิวก็ถอดใจแล้ว

การมาชมน้ำตกแม่สุรินทร์แนะนำให้มาช่วงปลายฝนต้นหนาวประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคมเพราะน้ำมากและสวยงามที่สุด และยังเป็นช่วงดอกบัวตองบานสะพรั่งเหลืองอร่ามเต็มดอยแม่อูคองดงามมาก
อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์มีบ้านพัก ที่กางเต็นท์ ร้านอาหาร และร้านค้าบริการหรือพักกางเต็นท์ที่บริเวณดอยแม่อูคอ หรือหาที่พักใน อ.ขุนยวน


น้ำตกโตนงาช้าง
อ.รัตภูมิ จ.สงขลา
น้ำตกโตนงาช้างได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดของภาคใต้ คำว่าโตนแปลว่าน้ำตก ส่วนคำว่างาช้างมาจากลักษณะของน้ำตกชั้นที่ 3 ซึ่งสายน้ำได้ไหลผ่านแผ่นหินแยกออกเป็นสองสายดูคล้ายกับงาช้าง คั่นกลางด้วยแผ่นหินสีดำเหมือนหัวช้าง

น้ำตกโตนงาช้างอยู่กลางป่าดงดิบที่อุดมสมบูรณ์จึงมีน้ำตลอดทั้งปี น้ำตกมีทั้งหมดเจ็ดชั้น ชั้นแรกชื่อโตนบ้า จากน้ำตกชั้นที่ 2 ต้องเดินขึ้นตามทางสูงชันอีกเกือบ 500 เมตร จึงจะถึงน้ำตกชั้นที่ 3 ชื่อโตนงาช้าง เส้นทางบางช่วงเดินขึ้นลำบากเพราะเป็นแผ่นหินขนาดใหญ่ ต้องใช้ความระมัดระวังมากจากชั้นที่ 3 สามารถมองเห็นทิวทัศน์ผืนป่าทึบเบื้องล่าง หากจะเดินขึ้นน้ำตกชั้นสูงขึ้นไปก็ต้องเป็นผู้มีกำลังแข็งแรงทีเดียวเพราะทางสูงชันและลำบากมาก โดยน้ำตกชั้นถัดๆ ไปมีชื่อตามลำดับว่า โตนน้ำปล่อย โตนฤาษีคอยบ่อและโตนเหม็ดชุน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะขึ้นมาถึงชั้นที่ 3 หรือไปต่อถึงชั้นที่ 4 เป็นอย่างมาก

การเดินทางเข้าน้ำตกโตนงาช้างเส้นทางถนนสะดวกสบายเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่ง
น้ำตกโตนงาช้างอยู่ในพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนงาช้าง มีบ้านพักและที่กางเต็นท์ให้บริการ หรือหาที่พักใน อ.หาดใหญ่


น้ำตกเจ็ดสี
อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย
สายน้ำไหลตกจากหน้าผาหินสูงทะมึนที่แผ่เป็นกว้างลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่างพร้อมกับส่งละอองน้ำฟุ้งกระจาย หากยืนชมในจุดที่ละอองน้ำทำมุมหักเหกับแสงแดดพอดีก็จะเห็นเป็นสีรุ้งเจ็ดสี จนเป็นที่มาของชื่อน้ำตกเจ็ดสี หนึ่งในน้ำตกงามแห่งอีสานตอนบน

น้ำตกเจ็ดสีมีทั้งหมดสี่ชั้น เส้นทางเดินขึ้นน้ำตกแห่งนี้แตกต่างจากการเดินขึ้นชมน้ำตกภาคอื่นๆ เพราะต้องเดินขึ้นไปตามลานหินที่มีธารน้ำไหลผ่านจนถึงน้ำตกชั้นที่ 4 ซึ่งมีความงามที่สุด ด้านล่างน้ำตกเป็นแอ่งน้ำตื้นที่เล่นน้ำได้และมีพลาญหินให้นั่งพักผ่อน

การเดินทางมาน้ำตกเจ็ดสีค่อนข้างสะดวก จากจุดจอดรถเดินไปอีกไม่ไกลก็ถึงตัวน้ำตก ทำให้มีคนเดินทางเที่ยวมากพอสมควร

น้ำตกเจ็ดสีอยู่ในพื้นที่ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าดอนเสียด ไม่มีบ้านพักหรือที่กางเต็นท์ให้บริการ ที่พักใกล้ที่สุดและสะดวกที่สุดคือ อ.บึงกาฬ

ที่เที่ยวน้ำตก

Wednesday, October 5, 2011

10 อันดับ ยอดดอยที่น่าไป ในหน้าหนาวนี้



ภูชี้ฟ้า
อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย
ที่นี่คือจุดชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทยซึ่งไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ภาพขณะดวงตะวันค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้าและทะเลหมอกขาวแผ่คลุมกว้างไกล มียอดดอยโผล่เหนือทะเลหมอกราวเกาะแก่ง กับแนวหน้าผาชันอันเป็นเอกลักษณ์จนกลายเป็นจุดถ่ายภาพยอดฮิต คือความงามที่สะกดสายตาผู้มาเยือนในท่ามกลางความหนาวเย็นทุกคน

ดอยผ้าห่มปก
อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
ด้วยความสูง 2,285 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทิวทัศน์จากบนดอยผ้าห่มปกซึ่งสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศจึงตระการตามาก หากมองไปทางทิศตะวันตกจะเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนในประเทศพม่า ทางทิศใต้เห็นยอดดอยหลวงเชียงดาว ทางทิศตะวันออกเห็น อ.แม่อาย ฝาง และไชยปราการ ในหน้าหนาวทะเลหมอกขาวโพลนจะปกคลุมทั่วหุบเขาเบื้องล่าง จนเป็นจุดชมทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง

ดอยหลวงเชียงดาว
อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
ด้วยฉากตระการตาของทิวเขารอบตัวแบบ 360 องศาเหนือขอบฟ้า ณ ระดับความสูง 2,275 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้ยอดดอยเชียงดาวคือหนึ่งในเมืองไทยที่คุณต้องมาสัมผัสให้ได้สักครั้งในชีวิต
แม้จะมีความสูงเป็นอันดับ 3 แต่ดอยหลวงเชียงดาวคือเทือกเขาหินปูนที่สูงที่สุดในประเทศ ทัศนียภาพของบรรดายอดเขาหินปูนหยักแหลมตะปุ่มตะป่ำสร้างความตื่นตาตื่นใจราวกับฉากในภาพยนตร์เหนือจินตนาการ ตลอดเส้นทางเดินที่ไต่ไปตามสันเขายังเต็มไปด้วยดอกไม้และพืชพันธุ์ที่อาศัยจำเพาะบนเทือกเขาหินปูนที่มีอากาศหนาวเย็น เช่น ค้อเชียงดาว กุหลาบขาวเชียงดาว

ดอยอ่างขาง
อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
แม้ดอยอ่างขางจะอยู่สูงไม่ถึง 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเทียบไม่ได้กับดอยอินทนนท์ที่สูงกว่า 2,500 เมตร แต่หากวัดกันที่ระดับความหนาวเย็นแล้ว ดอยอ่างขางไม่แพ้ที่ใด เพราะมีสภาพเป็นหุบเขาแอ่งกระทะ ตลอดค่ำคืนในฤดูหนาว อากาศจึงหนาวถึงขึ้นสั่นสะท้าน และเมื่อถึงเวลาก่อนฟ้าสาง นักท่องเที่ยวก็ต่างพร้อมใจกันฝ่าความเย็นยะเยือกไปยังจุดชมวิวเพื่อรอชมความงามของทะเลหมอกแผ่ปกคลุมทั่วหุบเขา

ดอยอินทนนท์
อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
“สูงสุดแดนสยาม” คือเป้าหมายที่นำพานักท่องเที่ยวมากมายให้เดินทางมาที่นี่ ด้วยความสูง 2,565 เมตรจากระดับน้ำทะเล ยอดดอยอินทนนท์อาจไม่ใช่จุดชมทะเลหมอกที่ดีนัก แต่กลับเป็นที่ที่ผู้มาเยือนจะได้ยืนอยู่กลางเมฆหมอกซึ่งพัดผ่านมาตลอดเวลาแทน หลายครั้งที่หมอกหนาจัดจนมองเห็นได้เพียงระยะใกล้ๆ ไม่กี่เมตรเท่านั้น ส่วนความหนาวเย็นนั้นไม่ต้องพูดถึง


ห้วยน้ำดัง
อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
จุดชมทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงที่สุดและสวยที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ด้วยความงามของทะเลหมอกที่ครอบคลุมทั่วหุบเขากว้างสอดสลับกับทิวเขาน้อยใหญ่ โดยมียอดดอยหลวงเชียงดาวอันโดดเด่นเหนือกลางทะเลหมอกสีขาว
ห้วยน้ำดังหรือจุดชมวิวดอยกิ่วลมอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์เอื้องเงิน อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง มีลานกางเต็นท์กว้างและบ้านพักที่ผู้มาเยือนสามารถตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังมีพระตำหนักเอื้องเงินซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ เป็นอาคารทรงซาเลต์ รอบบริเวณปลูกไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาวหลายชนิดหลากสีสันโดยเฉพาะกล้วยไม้เอื้องเงินหลวงที่จะออกดอกในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม


ม่อนกิ่วลม ม่อนพูนสุดา ม่อนครูบาใส
อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
ภาพขุนเขาสลับซับซ้อนของทิวเขาถนนธงชัยยามเช้าที่มีทะเลหมอกลอยปกคลุมเต็มหุบเขาเบื้องล่าง ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นจุดชมทะเลหมอกที่มีชื่อเสียงมานาน เดิมรู้จักในชื่อดอยแม่ระเมิง แต่ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติแม่เมย
จุดชมทะเลหมอกที่อยู่ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ ที่สุดเริ่มจากม่อนครูบาใส (คำว่าม่อนหมายถึงเนินดิน หรือเนินเขาเตี้ยๆ) บางวันจะมีหมอกลอยขึ้นมาให้เห็นใกล้มาก ถัดออกไปคือม่อนพูนสุดา และที่อยู่ไกลจากที่ทำการอุทยานฯ ที่สุดห่างไปราว 12 กม. คือม่อนกิ่วลม เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกสวยที่สุด ทะเลหมอกจะแผ่ปกคลุมยอดเขาจนดูคล้ายเกาะแก่ง เมื่อแสงแรกของพระอาทิตย์ขึ้น บางวันจะย้อมทะเลหมอกจนเป็นสีทอง


ดอยภูคา
อ.ปัว จ.น่าน
ดอยภูคามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศเพราะเป็นสถานที่ค้นพบพันธุ์ไม้ชนิดใหม่ของโลก ซึ่งได้รับการตั้งชื่อว่า “ชมพูภูคา” ตามสีของดอกและแหล่งที่พบชมพูภูคาเป็นไม้ยืนต้นสูง ขึ้นอยู่ตามที่ลาดชันในป่าดิบเขาที่หนาวเย็น โดยจะออกดอกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมของทุกปี นอกจากจะได้ชมต้นชมพูภูคาแล้ว ผู้มาเยือนดอยสูงแห่งนี้ยังจะได้ชมทิวทัศน์ทะเลหมอกขาวที่แผ่ปกคลุมหุบเขาเบื้องล่างซึ่งงดงามไม่แพ้ที่อื่นใดด้วย

ภูกระดึง
อ.ภูกระดึง จ.เลย
แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสูงสุดแห่งหนึ่งของประเทศ เลื่องลือด้วยความยากลำบากของการเดินขึ้นยอดภูกับระยะทางราว 5 กม. จนเป็นสิ่งที่หลายคนไขว่คว้าว่า “ครั้งหนึ่งในชีวิต” ข้าคือผู้พิชิตภูกระดึง
นอกจากความงดงามของทุ่งหญ้าป่าสนกว้างใหญ่บนยอดภูแล้ว ความหนาวเย็นและทิวทัศน์อันตระการตาตามหน้าผาก็เป็นแรงดึงดูดให้คนนับพันนับหมื่นบุกบั่นขึ้นมาเที่ยวภูกระดึงในแต่ละปี โดยเฉพาะที่ผานกแอ่นซึ่งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ในช่วงหน้าหนาวจะมีทะเลหมอกแผ่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่เบื้องล่างสวยงามมาก

ภูเรือ
อ.ภูเรือ จ.เลย
ภาพทิวทัศน์กว้างไกลสุดสายตา ทะเลหมอกลอยอ้อยอิ่งในหุบเขาสลับซับซ้อน คือเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวที่ภูเรือ แม้ยอดภูแห่งนี้จะไม่ติดอันดับ 1 ใน 10 ภูเขาสูงที่สุดในประเทศไทย แต่ถ้าเป็นเรื่องความหนาวเย็นละก็ ภูเรือติดอันดับต้นๆ เลยทีเดียว โดยเฉพาะ อ.ภูเรือ เป็นอำเภอที่หนาวที่สุดในประเทศไทย บางปีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส จนเกิดแม่คะนิ้งเกาะตามใบหญ้าในยามเช้า

Monday, October 3, 2011

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง



อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตั้งอยู่ที่อำเภอภูกระดึงในจังหวัดเลย เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทย เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม ในแต่ละปีจึงมีคนมาเที่ยวเฉลี่ยหลายหมื่นคน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวมักมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปพักผ่อนบนภูกระดึงจำนวนมาก ภูกระดึงได้รับการจัดตั้งเป็นป่าสงวนแห่งชาติในปี พ.ศ. 2486 และเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 โดยเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่สองถัดจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
คำว่า "ภูกระดึง" มาจากคำว่า ภู แปลว่า ภูเขา และ กระดึง แปลว่า กระดิ่ง เป็นภาษาพื้นเมืองของจังหวัดเลย ด้วยเหตุนี้ ภูกระดึง จึงอาจแปลได้ว่า ระฆังใหญ่ ชื่อนี้มาจากเรื่องเล่าที่ว่าในวันพระชาวบ้านมักได้ยินเสียงกระดิ่งหรือระฆังจากภูเขาลูกนี้เสมอ เล่ากันว่าเป็นระฆังของพระอินทร์ ส่วนอีกข้อสันนิษฐานหนึ่งคือในบริเวณบางส่วนของยอดเขาหากเดินหนักๆหรือใช้ไม้กระทุ้งก็จะมีเสียงก้องคล้ายระฆังซึ่งเกิดจากโพรงข้างใต้ จึงได้รับการตั้งชื่อว่า "ภูกระดึง"
สภาพอากาศบนยอดภูกระดึง มีปริมาณหยาดน้ำฟ้าเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของปริมาณหยาดน้ำฟ้าบนที่ราบเชิงเขา สาเหตุมาจากอิทธิพลของเมฆและหมอกที่ปกคลุมยอดเขา ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 90% อุณหภูมิเฉลี่ย 19.7 °C ในฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม มีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ระหว่าง 0-10 °C อุณหภูมิสูงสุดอยู่ระหว่าง 21-24 °C ส่วนในฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ระหว่าง 12-19 °C อุณหภูมิสูงสุดอยู่ระหว่าง 23-30 °C อากาศบนยอดภูกระดึงมักจะแปรปรวน มีเมฆหมอกลอยต่ำปกคลุมบ่อยครั้ง อากาศจึงค่อนข้างเย็นตลอดทั้งปี

อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทยเนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม ในแต่ละปีจึงมีคนมาเที่ยวเฉลี่ยหลายหมื่นคน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวมักมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปพักผ่อนบนภูกระดึงจำนวนมาก เฉพาะบนยอดเขาภูกระดึงมีการปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-30 กันยายนของทุกปี และเปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-31 พฤษภาคมของทุกปี

เดินทางโดยรถยนต์ สามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง

1. เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี เพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก หล่มเก่า ด่านซ้าย ภูเรือ และอำเภอเมืองเลย เลี้ยวเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 (เลย-ขอนแก่น) และเลี้ยวเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2019 เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
2. ใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสระบุรี นครราชสีมา จนถึงจังหวัดขอนแก่นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 ผ่านอำเภอภูผาม่านและตำบลผานกเค้า เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
3. เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี อำเภอปากช่อง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 201 ผ่านจังหวัดชัยภูมิ อำเภอภูเขียว แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ผ่านอำเภอชุมแพ จากนั้นเดินทางเช่นเดียวกับเส้นทางที่ 2

ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว

มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ทั้งบนยอดภูกระดึง และบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติซึ่งอยู่ด้านล่าง ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาขอรับบริการข้อมูลได้ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 8.00 - 16.30 น.

ที่พัก ภูกระดึง ราคาประหยัด

ข้อมูลจาก
th.wikipedia.org

Sunday, October 2, 2011

เมืองสามหมอก ที่เที่ยวในแม่ฮ่องสอน



หนึ่งในสถานที่สำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่เมื่อเดินทางไปถึงแล้วจะพลาดไม่ได้ก็คือ การขึ้นไปสักการะที่ “วัดพระธาตุดอยกองมู“ ตั้งอยู่บนดอยกองมู ซึ่งวัดนี้ถือว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีความสำคัญ และเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวแม่ฮ่องสอน ภายในวัดจะมีพระธาตุเจดีย์ 2 องค์ด้วยกัน นอกจากจะได้ขึ้นมานมัสการองค์พระธาตุเพื่อความเป็นศิริมงคลแล้ว เรายังสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้จากบนอีกด้วย


ฉายาเมืองสามหมอกของแม่ฮ่องสอน เกิดจากการเป็นเมืองในพื้นที่ราบลุ่ม ล้อมรอบด้วยภูเขาอันสลับซับซ้อน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นฤดูหนาวหรือฤดูฝน ก็จะเห็นสายหมอกปกคลุมภูสูงตลอดทั้งปี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้พิสมัยในธรรมชาติ รักอากาศบริสุทธิ์ และต้องการปลีกวิเวกจากเมืองกรุง

หนึ่งในสถานที่สำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่เมื่อเดินทางไปถึงแล้วจะพลาดไม่ได้ก็คือ การขึ้นไปสักการะที่ “วัดพระธาตุดอยกองมู“ ตั้งอยู่บนดอยกองมู ซึ่งวัดนี้ถือว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีความสำคัญ และเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของชาวแม่ฮ่องสอน ภายในวัดจะมีพระธาตุเจดีย์ 2 องค์ด้วยกัน นอกจากจะได้ขึ้นมานมัสการองค์พระธาตุเพื่อความเป็นศิริมงคลแล้ว เรายังสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้จากบนอีกด้วย

นอกจากวัดพระธาตุดอยกองมูแล้ว ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนยังมีวัดวาอารามที่มีความสวยงามอยู่อีกหลายแห่งด้วยกัน อาทิเช่น วัดจองคำ วัดจองกลาง และวัดพระนอน เป็นต้น

และสำหรับผู้ชอบสินค้าพื้นเมือง งานแฮนด์เมดต่างๆ “ถนนคนเดินแม่ฮ่องสอน” ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน ถนนคนเดินนี้จะเปิดอยู่ที่ริมหนองจองคำฝั่งหน้าวัดจองคำ ซึ่งบริเวณนี้จะเปิดให้เดินกันเวลาประมาณ 6 โมงเย็นเป็นต้นไป

ที่พักที่ใน แม่ฮ่องสอน ราคาประหยัด