เที่ยวถ้ำลำคลองงู
อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ห้วยลำคลองงูยาวหลายสิบกิโลเมตร ไหลผ่านภูเขาหินปูนที่เรียงตัวกันกระจัดกระจาย ภายใสมีเถื่อนถ้ำที่ยังคงความบริสุทธิ์ของหินงอกหินย้อย และมีความใหญ่โตน่าอัศจรรย์ใจในระดับโลกถึงสามถ้ำ ควรมาเที่ยวในช่วงปลายฤดูหนาวเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม
เริ่มจากถ้ำน้ำตก ถ้ำขนาดใหญ่ยาวถึง 2,710 เมตร ซึ่งต้องลุยน้ำเข้าไปในโถงถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยรูปร่างต่างๆ ถ้ำถัดมาคือ ถ้ำนกนางแอ่น เมื่อเดินลุยน้ำไป 1 กิโลเมตรจะพบมีหินยอกหินย้อยรูปร่างเหมือนถ้วยฟุตบอลโลกมีผลึกแคลไซต์งอกเป็นรูปร่างต่างๆ ซึ่งเมื่อโดนแสงจะส่งประกายระยิบระยับน่าตื่นตาตื่นใจ
ถ้ำสุดท้ายคือถ้ำเสาหิน ต้องลุยน้ำลอยคอว่ายเข้าไปตามลำคลองงูกว่า 1 กิโลเมตรภายในเป็นห้องโถงโล่ง เพดานสูงถึง 50 เมตร มีเสาหินปูนตั้งตระหง่านสูงถึง 62.5 เมตร ถือว่ามีขนาดใหญ่และสูงที่สุดในโลก เกิดจากหินงอกหินย้อยมาบรรจบกัน โดยต้องใช้เวลาก่อตัวนานนับพันปี
อุทยานแห่งชาติลำคลองงูมีบ้านพัก ที่กางเต็นท์ และร้านอาหาร รวมถึงเจ้าหน้าที่นำทางพร้อมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ให้บริการ ติดต่อที่ ตู้ ปณ.4 ปทจ.ทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี 71180 โทร.08-6175-4786
ล่องเรือดูโลมา
อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
ฝูงโลมาห้าหกตัวที่ดำผุดดำว่ายไล่ต้อนเหยื่ออยู่บริเวณปากแม่น้ำบางปะกง สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้คนบนเรือที่ยกกล้องในมือขั้นถ่ายภาพหรือชี้ชวนกันดูโลมาที่บ้างก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมาทั้งตัว บ้างก็มองเห็นเพียงแค่ครีบหางให้ลุ้นระทึกอยู่ในที
ด้วยความที่ปากแม่น้ำบางปะกงเป็นจุดบรรจบของน้ำจืดกับน้ำเค็ม และรายรอบด้วยป่าชายเลน ทำให้มีแพลงก์ตอนเป็นอาหารของปลาหลายชนิด โดยเฉพาะปลาดุกทะเลที่เป็นอาหารโปรดของโลมา เราจึงพบเห็นโลมาได้ตลอดฤดูหนาว โดยมีถึงสามชนิด คือ โลมาอิรวดีที่พบเห็นได้ง่ายและบ่อยที่สุด ตัวสีเทาเข้มยาวกว่า 2 เมตร โลมาหัวบาตรหลังเรียบ ตัวเล็กเพียงเมตรกว่าๆ และไม่มีครีบหลัง และโลมาเผือกหลังโหนกที่ตัวโตถึง 3 เมตร ลำตัวสีน้ำตาลเหลืองไปจนถึงขาวอบชมพู
อยากเห็นโลมาเหล่านี้ต้องมาเที่ยวชมในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ โดยเฉพาะในช่วงน้ำตายที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูงและค่อนข้างคงที่ ใช้เวลาล่องเรือชมประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถ้าเลือกได้ควรไปชมในวันธรรมดาเพราะมีโอกาสเห็นโลมาได้นานกว่าช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ที่เรือวิ่งสวนกันไปมาเป็นจำนวนมาก จนทำให้โลมาตื่นกลัวไม่ยอมโชว์ตัวนานๆ
ก่อนเดินทางมาชมโลมา ควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเทศบาลตำบลท่าข้าม(โทร.0-3857-3411-2) จุดบริการเรือมีสองแห่ง คือ ท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลท่าข้าม หมู่ที่ 1 บ้านหัวแหลม(ติดต่อนายปราโมช สุวรรณ์วงศ์ โทร.08-7128-4089)และท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลท่าข้าม หมู่ที่ 8 โรงเรียนคลองตำหรุ(เดิม) (ติดต่อนายอดุลย์ ศุภรัตน์ โทร.08-6837-6628
นั่งช้างท่องป่า
อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
โขลงช้างหลายสิบเชือกที่ยืนเรียงรายอยู่ริมลำน้ำสร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวที่ต่างกรูเข้าไปใกล้ๆ บางคนยืนถ่ายรูปคู่กับช้างหลายสิบรูปไม่ยอมหยุด ทั้งๆ ที่อีกสักครู่ก็จะได้ขึ้นนั่งหลังช้างไปเที่ยวในป่าใกล้ๆ นี้แล้ว
แถบ อ.แม่ริม แม่แตง และเชียงดาว มีปางช้างอยู่หลายแห่ง เช่นปางช้างแม่แตง ปางช้างแม่สา ปางช้างแม่ตะมาน ปางช้างเชียงดาว เป็นต้น ทุกวันจะจัดแสดงความสามารถของช้างไทยนับสิบเชือกให้ชมกันเป็นที่สนุกสาน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นบาสเกตบอล แสดงการชักลากไม้ โดยเฉพาะการวาดรูปที่ช้างไทยบางเชือกได้เป็นศิลปินดังระดับโลกเพราะภาพข่าวไปปรากฏตามสื่อต่างๆ ทั่วโลก
หลังชมการแสดงจบแล้วไม่ควรพลาดการขึ้นนั่งช้างพาเดินข้ามลำห้วยไต่เนินเขาชมธรรมชาติในป่าอันร่มรื่นระยะทางไม่ไกลนัก ใช้เวลาราว 1-2 ชั่วโมง กลับมาแล้วยังอยากใกล้ชิดกับช้างอีกก็ไปร่วมกับควาญช้างให้อาหารหรืออาบน้ำช้างด้วยก็ได้
บอกได้เลยว่ากิจกรรมนั่งช้างจะสร้างความประทับใจให้ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเยาว์ไม่น้อยหน้ากันทีเดียว
ปางช้างส่วนใหญ่มีร้านอาหาร ปางช้างแม่แตง โทร.0-5320-6047 ปางช้างแม่ตะมาน โทร.0-5329-7060
ขี่จักรยานเสือภูเขาลุยสวน
อ.เมือง จ.นครนายก
เมื่อเท้าเริ่มถีบบันไดของจักรยาน ล้อสองล้อก็เริ่มหมุนวน และค่อยๆ วิ่งเลาะขอบทางเรียบเข้าสู่ร่มเงาไม้ใหญ่สลับกับท้องทุ่งที่สายลมเย็นพัดโชยพากลิ่นหอมของดอกไม้ กลิ่นดิน กลิ่นน้ำจากแม่น้ำนครนายกโชยมาให้ชื่นใจ
ในนครนายกมีเส้นทางสำหรับขี่จักรยานหลายสิบเส้นทางทั้งระยะทางสั้นและยาว ทางลาดเรียบเลาะตามเรือสวน และทางลูกรังลุยธารน้ำในชมธรรมชาติในราวป่า
เส้นทางที่นิยมกันมากคือ เส้นทางวังตะไคร้-วังยาว ระยะทาง 22 กิโลเมตร เริ่มต้นบริเวณเชิงสะพานวังตะไคร้ หน้าร้านลุงเหลี่ยม มุ่งตรงไปทางน้ำตกนางรอง เข้าถนนเล็กๆ ไปวัดท่าด่าน หุบเมย เมื่อสุดถนนเลียบคลองส่งน้ำให้เลี้ยวขวาเขาถนนลาดยางเล็กๆ ช่วงนี้จะเป็นสวนผลไม้สลับกับท้องทุ่งสวยงาม ขี่ไปจนถึงสี่แยกบ้านวังยาว ถ้ายังไม่เหนื่อยเลี้ยวซ้ายไปตามทางผ่านวัดคีรีวัน แล้ววนกลับมายังจุดเริ่มต้น
หากชอบผจญภัย จากสี่แยกบ้านวังยาวให้ขี่ตรงไปตามถนนลูกรังยาว 1 กิโลเมตร จนพบแม่น้ำนครนายก ช่วงฤดูหนาวน้ำลึกไม่เกินเข่า ขี่ลุยน้ำไปได้เลย ทางจะขรุขระให้อารมณ์ของการขี่เสือภูเขา
เส้นทางนี้จึงเรียกได้ว่าครบเครื่อง ขี่สนุกเพลิดเพลินกันได้ทั้งวันเลยที่เดียว
มีร้านให้เช่าจักรยาน รวมทั้งล่องแก่งหลายแห่ง แนะนำอดิเรกคายักมาสเตอร์ ใกล้ครัววังมะนาว(โทร.0-3739-3518) สาริการแอดเวนเจอร์พอยนท์(โทร.0-3732-8432) แพ แคนู แคมป์(โทร.0-3738-5042)
ล่องเรือดูนกบึงบอระเพ็ด
อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์
บึงบอระเพ็ดเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศเป็นที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์นับร้อยชนิด โดยเฉพาะนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ที่พบเพียงแห่งเดียวในโลก
ทุกปีเมื่อลมหนาวมาเยือนประเทศไทย ฝูงนกอพยพที่บินหนีหนาวจากแดนไกลก็จะมาพึ่งพิงบึงน้ำแห่งนี้เป็นแหล่งอาศัย ด้วยสภาพพื้นที่รอบบึงที่มีพันธุ์ไม้นานาชนิด ทั้งกก อ้อ พงแขม ในบึงน้ำมีทั้งบัวบา สันตะวา สาหร่ายต่างๆ ทำให้มีปลาชุกชุม เป็นอาหารของนกอพยพ โดยเฉพาะฝูงนกเป็ดน้ำนับหมื่นตัวที่อพยพมาพักพิงอาศัย หลายชนิดใกล้สูญพันธุ์ เช่น นกกระทุง นกช้อนหอยดำเหลือบ นอกจากนี้ยังมีนกน้ำประจำถิ่นที่มีสีสันสวยงามน่าชม ไม่ว่าจะเป็นนกอัญชัญคิ้วขาว นกอีแจวนางยาว นกกระเต็นอกขาว รวมไปถึงเหยี่ยวหลายชนิดที่มาโฉบกินปลา
ฤดูกาลนี้จึงเป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับการดูนกน้ำที่บึงบอระเพ็ดและยิ่งถ้าได้ล่องเรือชมทุ่งดอกบัวสายสีชมพูบานสะพรั่งเต็มท้องน้ำ พร้อมกับสายหมอกนวลในยามเช้า หรือยามเย็นที่พระอาทิตย์ดวงกลมโตสีส้มแดงกำลังจะตกลับขอบฟ้า ก็สวยจนแทบจะลืมหายใจเลยทีเดียว
มีเรือบริการอยู่ที่บริเวณอุทยานนกน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด (โทร.08-1786-4330)หรือที่ศูนย์พัฒนาประมงน้ำจืด
ล่องแก่งลำน้ำว้า
อ.แม่จริม จ.น่าน
ท่ามกลางสายน้ำสีเงินทอดยาวคดโค้งผ่านผืนป่าใหญ่ที่กำลังผลัดใบเปลี่ยนสีจากเขียวเข้มเป็นเหลือง ส้ม แดงเจิดจ้า เรือยางสีสดหลายสิบลำล่องผ่านแก่งใหญ่น้อยในสายน้ำว้า ผู้คนในเรือส่งเสียงร้องตื่นเต้นดังไปไกลหลายคุ้งน้ำ
ลำน้ำว้าเป็นสายน้ำเล็กๆ ที่มีต้นกำเนิดจากทิวเขาหลวงพระบางชายแดนไทย-ลาว ไหลเลาะผ่านแนวป่าเขาเขียวขจี มีแก่งหินและวังน้ำอยู่หลายสิบแหง จึงมีผู้นิยมมาล่องแก่งกันเป็นจำนวนมาก โดยมีสองเส้นทาง คือ ลำน้ำว้าตอนกลาง สำหรับมือเก๋าที่ต้องคัดพายสู้กับสายน้ำถึง 3 วัน 2 คืน ระยะทางยาวกว่า 80 กิโลเมตร แต่ที่นิยมกันมากกว่าคือ ลำน้ำว้าตอนล่าง เป็นช่วงไหลผ่านอุทยานแห่งชาติแม่จริม ระยะทางยาวเพียง 15 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงก็ล่องผ่าน มีแก่งเล็กๆ สามสี่แก่งให้ลองฝีผายก่อนลำน้ำจะแคบเข้าผ่านแก่งหลวงที่คดโค้ง บางช่วงลำธารลดระดับลงคล้ายน้ำตกเล็กๆ ยาวถึง 800 เมตร ให้หัวใจได้เต้นระทึก ก่อนจะผ่อนคลายแต่ท้าทายกับแก่งสาลี แก่งต้นไทร แก่งสวนหิน ซึ่งมีลักษณะเป็นแก่งหิน และสายน้ำแตกต่างกันออกไป สร้างความตื่นเต้นระทึกใจให้ลืมไม่ลงเลยทีเดียว
ช่วงเวลาที่เหมาะกับการล่องแก่งลำน้ำว้าประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม
มีบริษัททัวร์หลายแห่งให้บริการลองแก่งด้วยแพยางลำน้ำว้า มีให้บริการติดต่อได้ทั้งที่ อ.เมือง และ อ.แม่จริม แนะนำน่านทัวริ่ง(โทร.08-1961-7711)
เที่ยวถ้ำปางมะผ้า
อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน
ปางมะผ้า อำเภอเล็กๆ ใน จ.แม่ฮ่องสอน โด่งดังไปทั่วโลกด้วยเถื่อนถ้ำนับร้อยแห่ง บางแห่งเป็นถ้ำลึกยาวที่สุดในเอเชีย บางแห่งค้นพบโครงกระดูกและโลงของมนุษย์โบราณ บางแห่งกว้างใหญ่จนสามารถล่องแพภายในถ้ำได้ นักผจญภัยผู้นิยมการเที่ยวถ้ำจากทุกมุมโลกจึงพากันเดินทางมาที่นี่
ในบรรดาถ้ำที่ยังบริสุทธิ์จำนวนมาก มีถ้ำเพียงไม่กี่แห่งที่ได้พัฒนาและจัดการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยถ้ำที่ได้รับความนิยมมากมีสองแห่ง คือ ถ้ำลอดและถ้ำแม่ละนา ถ้ำลอดเป็นถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีลำน้ำลางไหลผ่าน สามารถล่องแถไม้ไผ่เข้าไปได้ หรือเดินเข้าไปในถ้ำระยะทางราว 500 เมตร จะพบถ้ำใหญ่สามถ้ำ คือ ถ้ำเสาหิน ที่มีเสาหินสูงใหญ่หลายต้น ถ้ำตุ๊กตา มีหินงอกเป็นปุ่มปมคล้ายตุ๊กตา และถ้ำผีแมน มีโลงไม้ใหญ่ สันนิษฐานว่าเป็นโลงของมนุษย์โบราณ
ส่วนถ้ำแม่ละนายาวถึง 12 กิโลเมตร ยาวที่สุดในเอเชีย แต่เพื่อความปลอดภัยจึงได้กำหนดเส้นทางเที่ยวถ้ำไว้เพียง 2.5 กิโลเมตร เพราะต้องเดินลุยลำน้ำไปตลอด เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบการผจญภัย ภายในถ้ำมืดสนิท ต้องใช้ไฟฉายความแรงสูง เส้นทางจะผ่านโขดหินใหญ่ หินงอกหินย้อยอันงดงามไปจนถึงอ่างน้ำขนาดใหญ่ภายในถ้ำ
๐ควรเที่ยวเป็นกลุ่มประมาณ 5-10 คน
๐ทุกคนควรมีอุปกรณ์สร้างแสงสว่างประจำตัว ได้แก่ หมวกนิรภัยที่มีดวงไฟติดหน้าหมวก ไฟฉายพร้อมถ่านไฟฉายและหลอดสำรอง เทียนและไฟแช็ก เก็บไว้ในถุงพลาสติกที่ผนึกกันน้ำไว้อย่างดี
๐ใส่เสื้อผ้าหนาๆ กันหินบาด และสวมรองเท้าที่แข็งแรงทนทาน
อย่าลองปีนป่ายหน้าผาที่อันตรายและบุกเข้าไปในที่ลำบาก
การเข้าชมถ้ำลอดต้องติดต่อที่สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าถ้ำน้ำลอด(โทร.0-5361-7218)ส่วนถ้ำแม่ละนา ติดต่อศูนย์บริการเที่ยวถ้ำบ้านแม่ละนา (โทร.0-5361-9028)
ล่องแก่งลำน้ำเข็ก
อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
แพยางหลายสิบลำและหลากสี ทั้งน้ำเงินเข้ม สดส้มชมพูเจิดจ้า ลอยตัวรายเรียงอยู่ริมลำน้ำ บนฝั่งนักท่องเที่ยวในชุดสวมหมวกและเสื้อชูชีพตั้งใจฟังคำอธิบายการล่องแก่ง ก่อนจะร่วมผจญภัยไปกลางสายน้ำขุ่นข้นที่กระทบแก่งเป็นฟองขาวคล้ายน้ำเดือดพล่าน
ลำน้ำเข็กหรือแม่น้ำวังทอง เกิดจากการไหลมารวมกันของคลองเข็กน้อยและคลองเข็กใหญ่ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ มีความยาวนับร้อยกิโลเมตรแต่ช่วงลำน้ำที่นิยมล่องแพบริเวณบ้านทรัพย์ไพรวัลย์นั้นยาวไม่ถึง 10 กิโลเมตรใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือประมาณเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน
ทางช่วงแรกเป็นลำน้ำนิ่งก่อนเข้าสู่แก่งเล็ก ๆ สามสี่แก่งเป็นการลองเชิง จากนั้นกระแสน้ำจะไหลรุนแรงผ่านแก่งยาง แก่งรัชมังคลาและแก่งซาง ซึ่งเหมือนน้ำตกต่างระดับกันสี่ชั้น ทำให้เรือยางโยนตัวมุดน้ำก่อนจะโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง สร้างความตื่นเต้นให้กับนักล่องเรือ แล้วจึงเข้าสู่แก่งนางคอยที่ถือเป็นไฮไลต์ ด้วยเป็นน้ำตกสูงกว่า 2 เมตร ทางช่วงสุดท้ายปล่อยให้นักผจญภัยผ่อนคลายไปกับความคดโค้งของแก่งยาว
ตลอดระยะทางซึ่งมีทั้งตื่นเต้น หวาดเสียว และโล่งใจเมื่อผ่านพิชิตมาได้จะประทับเป็นความทรงจำที่หลายคนอยากหวนกลับมาอีก
ดูนกอพยพที่แหลมผักเบี้ย
อ.เมือง จ.เพชรบุรี
เมื่อยามลมหนาวแรกเริ่มพัดมาจากเมืองจีน ฝูงนกอพยพหลายร้อยชนิด นับพันนับหมื่นตัวจะบินล่องใต้เป็นระยะทางไกลหลายพันกิโลเมตร เพื่อย้ายถิ่นหากินและแหล่งอาศัยโดยมีจุดแวะพักสำคัญที่บริเวณอ่าวไทยตอนใน โดยเฉพาะตามนาเกลือริมชายฝั่งตั้งแต่แถบ อ.บ้านแหลม มาจนถึงแหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี
แนะนำให้นั่งเรือจากคลองอีแอด ใกล้แหลมผักเบี้ย ล่องไปตามคลองที่สองฝั่งเต็มไปด้วยต้นแสมและต้นโกงกาง อาจพบนกกระเต็นสีฟ้าสด นกยางสีขาว ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็จะออกถึงทะเล ในยามน้ำลงที่ปลายแหลมผักเบี้ยจะมีนกหลากชนิด ทั้งนกทะเลอย่างนกนางนวล นกหัวโตมลายู ซึ่งล้วนแล้วแต่มีรูปร่างและสีสันที่แตกต่างกันออกไป โชคดีอาจพบนกหายากระดับโลก เช่น นกชายเลนปากช้อน นกลอยทะเลคอแดง เป็นรางวัลสำหรับผู้มาเยือน
ควรเตรียมอาหารกลางวันไปด้วยจะได้อยู่ชมนกที่กลางสันดอนทรายของแหลมผักเบี้ยไปจนถึงยามเย็นเพื่อชมความงดงามยามพระอาทิตย์ตกน้ำเป็นของแถม
จุดลงเรืออยู่บริเวณคลองอีแอด ใกล้แหลมผักเบี้ย ในฤดูท่องเที่ยวสามารถติดต่อที่ซุ้มบริการของ อบต. บริเวณท่าเรือ หากต้องการดูนกทั้งวัน ติดต่อพี่แดง โทร.08-0223-5250
อาบน้ำแร่แจ้ซ้อน
อ.แจ้ซ้อน จ.ลำปาง
ในยามเช้าที่แสงแดดลำแรกเริ่มสาดส่องกระทบบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน อาบไล้ผิวน้ำและละอองหมอกควันอันหนาทึบของน้ำพุให้เป็นสีทองอร่ามรังสรรค์ให้ปรากฏการณ์ธรรมชาติจากความร้อนใต้พื้นโลกงดงามเกินคำบรรยาย
น้ำพุร้อนแจ้ซ้อนเป็นบ่อหินตื้นๆ มีหินรูปทรงต่างๆ ทั้งแผ่นและก้อนกระจัดกระจายอยู่รอบบ่อน้ำเก้าบ่อ บนลานกว้างประมาณ 3 ไร่ น้ำแร่บริเวณนี้มีปริมาณซัลไฟด์หรือกำมะถันเพียง 0.1 มิลลิกรัม/ลิตร เหมาะสำหรับการนำน้ำแร่มาอาบหรือลงแช่ บางคนก็นิยมนำไข่ไก่หรือไข่นกกระทาลงไปต้มเพื่อพิสูจน์ความร้อน ซึ่งแปลกที่ว่าน้ำร้อนเหล่านี้จะทำให้ไข่แดงสุกมากกว่าไข่ขาว
หากอยากทดลองอาบน้ำแร่ หรือลงแช่น้ำร้อน ก็มีทั้งแบบตักอาบ หรือแช่ในบ่อถึง 21 ห้อง โดยมีการต่อท่อน้ำร้อนมาจากบ่อพักและควบคุมอุณหภูมิสูงเพียง 39-42 องศาเซลเซียส ไม่ร้อนเกินกว่าจะลงไปนอนแช่ได้แบบสบายๆ
การแช่น้ำแร่มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยให้การไหลเวียงโลหิตดีขึ้น รักษาโรคผิวหนังบางชนิด โรคไขข้ออักเสบ เป็นต้น
การแช่น้ำแร่ให้ปลอดภัย อย่ารีบร้อนลงแช่ทั้งตัว ให้เริ่มจากจุ่มเท้าลงในน้ำร้อนก่อนรอจนเมื่อคุ้นเคยกับความร้อนแล้วจึงค่อยๆตามด้วยส่วนอื่นลงไปจนกระทั่งแช่ทั้งตัวพอรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยก็ให้ขึ้นจากอ่างแช่อย่าฝืนแช่อยู่นานเกินไป
อุทยานแห่งชาติลำคลองงูมีบ้านพัก ที่กางเต็นท์ และร้านอาหาร รวมถึงเจ้าหน้าที่นำทางพร้อมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ให้บริการ ติดต่อที่ ตู้ ปณ.4 ปทจ.ทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี 71180 โทร.08-6175-4786
ล่องเรือดูโลมา
อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
ฝูงโลมาห้าหกตัวที่ดำผุดดำว่ายไล่ต้อนเหยื่ออยู่บริเวณปากแม่น้ำบางปะกง สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้คนบนเรือที่ยกกล้องในมือขั้นถ่ายภาพหรือชี้ชวนกันดูโลมาที่บ้างก็โผล่พ้นน้ำขึ้นมาทั้งตัว บ้างก็มองเห็นเพียงแค่ครีบหางให้ลุ้นระทึกอยู่ในที
ด้วยความที่ปากแม่น้ำบางปะกงเป็นจุดบรรจบของน้ำจืดกับน้ำเค็ม และรายรอบด้วยป่าชายเลน ทำให้มีแพลงก์ตอนเป็นอาหารของปลาหลายชนิด โดยเฉพาะปลาดุกทะเลที่เป็นอาหารโปรดของโลมา เราจึงพบเห็นโลมาได้ตลอดฤดูหนาว โดยมีถึงสามชนิด คือ โลมาอิรวดีที่พบเห็นได้ง่ายและบ่อยที่สุด ตัวสีเทาเข้มยาวกว่า 2 เมตร โลมาหัวบาตรหลังเรียบ ตัวเล็กเพียงเมตรกว่าๆ และไม่มีครีบหลัง และโลมาเผือกหลังโหนกที่ตัวโตถึง 3 เมตร ลำตัวสีน้ำตาลเหลืองไปจนถึงขาวอบชมพู
อยากเห็นโลมาเหล่านี้ต้องมาเที่ยวชมในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ โดยเฉพาะในช่วงน้ำตายที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูงและค่อนข้างคงที่ ใช้เวลาล่องเรือชมประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถ้าเลือกได้ควรไปชมในวันธรรมดาเพราะมีโอกาสเห็นโลมาได้นานกว่าช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ที่เรือวิ่งสวนกันไปมาเป็นจำนวนมาก จนทำให้โลมาตื่นกลัวไม่ยอมโชว์ตัวนานๆ
ก่อนเดินทางมาชมโลมา ควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเทศบาลตำบลท่าข้าม(โทร.0-3857-3411-2) จุดบริการเรือมีสองแห่ง คือ ท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลท่าข้าม หมู่ที่ 1 บ้านหัวแหลม(ติดต่อนายปราโมช สุวรรณ์วงศ์ โทร.08-7128-4089)และท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลท่าข้าม หมู่ที่ 8 โรงเรียนคลองตำหรุ(เดิม) (ติดต่อนายอดุลย์ ศุภรัตน์ โทร.08-6837-6628
นั่งช้างท่องป่า
อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
โขลงช้างหลายสิบเชือกที่ยืนเรียงรายอยู่ริมลำน้ำสร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวที่ต่างกรูเข้าไปใกล้ๆ บางคนยืนถ่ายรูปคู่กับช้างหลายสิบรูปไม่ยอมหยุด ทั้งๆ ที่อีกสักครู่ก็จะได้ขึ้นนั่งหลังช้างไปเที่ยวในป่าใกล้ๆ นี้แล้ว
แถบ อ.แม่ริม แม่แตง และเชียงดาว มีปางช้างอยู่หลายแห่ง เช่นปางช้างแม่แตง ปางช้างแม่สา ปางช้างแม่ตะมาน ปางช้างเชียงดาว เป็นต้น ทุกวันจะจัดแสดงความสามารถของช้างไทยนับสิบเชือกให้ชมกันเป็นที่สนุกสาน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นบาสเกตบอล แสดงการชักลากไม้ โดยเฉพาะการวาดรูปที่ช้างไทยบางเชือกได้เป็นศิลปินดังระดับโลกเพราะภาพข่าวไปปรากฏตามสื่อต่างๆ ทั่วโลก
หลังชมการแสดงจบแล้วไม่ควรพลาดการขึ้นนั่งช้างพาเดินข้ามลำห้วยไต่เนินเขาชมธรรมชาติในป่าอันร่มรื่นระยะทางไม่ไกลนัก ใช้เวลาราว 1-2 ชั่วโมง กลับมาแล้วยังอยากใกล้ชิดกับช้างอีกก็ไปร่วมกับควาญช้างให้อาหารหรืออาบน้ำช้างด้วยก็ได้
บอกได้เลยว่ากิจกรรมนั่งช้างจะสร้างความประทับใจให้ทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเยาว์ไม่น้อยหน้ากันทีเดียว
ปางช้างส่วนใหญ่มีร้านอาหาร ปางช้างแม่แตง โทร.0-5320-6047 ปางช้างแม่ตะมาน โทร.0-5329-7060
ขี่จักรยานเสือภูเขาลุยสวน
อ.เมือง จ.นครนายก
เมื่อเท้าเริ่มถีบบันไดของจักรยาน ล้อสองล้อก็เริ่มหมุนวน และค่อยๆ วิ่งเลาะขอบทางเรียบเข้าสู่ร่มเงาไม้ใหญ่สลับกับท้องทุ่งที่สายลมเย็นพัดโชยพากลิ่นหอมของดอกไม้ กลิ่นดิน กลิ่นน้ำจากแม่น้ำนครนายกโชยมาให้ชื่นใจ
ในนครนายกมีเส้นทางสำหรับขี่จักรยานหลายสิบเส้นทางทั้งระยะทางสั้นและยาว ทางลาดเรียบเลาะตามเรือสวน และทางลูกรังลุยธารน้ำในชมธรรมชาติในราวป่า
เส้นทางที่นิยมกันมากคือ เส้นทางวังตะไคร้-วังยาว ระยะทาง 22 กิโลเมตร เริ่มต้นบริเวณเชิงสะพานวังตะไคร้ หน้าร้านลุงเหลี่ยม มุ่งตรงไปทางน้ำตกนางรอง เข้าถนนเล็กๆ ไปวัดท่าด่าน หุบเมย เมื่อสุดถนนเลียบคลองส่งน้ำให้เลี้ยวขวาเขาถนนลาดยางเล็กๆ ช่วงนี้จะเป็นสวนผลไม้สลับกับท้องทุ่งสวยงาม ขี่ไปจนถึงสี่แยกบ้านวังยาว ถ้ายังไม่เหนื่อยเลี้ยวซ้ายไปตามทางผ่านวัดคีรีวัน แล้ววนกลับมายังจุดเริ่มต้น
หากชอบผจญภัย จากสี่แยกบ้านวังยาวให้ขี่ตรงไปตามถนนลูกรังยาว 1 กิโลเมตร จนพบแม่น้ำนครนายก ช่วงฤดูหนาวน้ำลึกไม่เกินเข่า ขี่ลุยน้ำไปได้เลย ทางจะขรุขระให้อารมณ์ของการขี่เสือภูเขา
เส้นทางนี้จึงเรียกได้ว่าครบเครื่อง ขี่สนุกเพลิดเพลินกันได้ทั้งวันเลยที่เดียว
มีร้านให้เช่าจักรยาน รวมทั้งล่องแก่งหลายแห่ง แนะนำอดิเรกคายักมาสเตอร์ ใกล้ครัววังมะนาว(โทร.0-3739-3518) สาริการแอดเวนเจอร์พอยนท์(โทร.0-3732-8432) แพ แคนู แคมป์(โทร.0-3738-5042)
ล่องเรือดูนกบึงบอระเพ็ด
อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์
บึงบอระเพ็ดเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศเป็นที่อยู่อาศัยของพืชและสัตว์นับร้อยชนิด โดยเฉพาะนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร ที่พบเพียงแห่งเดียวในโลก
ทุกปีเมื่อลมหนาวมาเยือนประเทศไทย ฝูงนกอพยพที่บินหนีหนาวจากแดนไกลก็จะมาพึ่งพิงบึงน้ำแห่งนี้เป็นแหล่งอาศัย ด้วยสภาพพื้นที่รอบบึงที่มีพันธุ์ไม้นานาชนิด ทั้งกก อ้อ พงแขม ในบึงน้ำมีทั้งบัวบา สันตะวา สาหร่ายต่างๆ ทำให้มีปลาชุกชุม เป็นอาหารของนกอพยพ โดยเฉพาะฝูงนกเป็ดน้ำนับหมื่นตัวที่อพยพมาพักพิงอาศัย หลายชนิดใกล้สูญพันธุ์ เช่น นกกระทุง นกช้อนหอยดำเหลือบ นอกจากนี้ยังมีนกน้ำประจำถิ่นที่มีสีสันสวยงามน่าชม ไม่ว่าจะเป็นนกอัญชัญคิ้วขาว นกอีแจวนางยาว นกกระเต็นอกขาว รวมไปถึงเหยี่ยวหลายชนิดที่มาโฉบกินปลา
ฤดูกาลนี้จึงเป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับการดูนกน้ำที่บึงบอระเพ็ดและยิ่งถ้าได้ล่องเรือชมทุ่งดอกบัวสายสีชมพูบานสะพรั่งเต็มท้องน้ำ พร้อมกับสายหมอกนวลในยามเช้า หรือยามเย็นที่พระอาทิตย์ดวงกลมโตสีส้มแดงกำลังจะตกลับขอบฟ้า ก็สวยจนแทบจะลืมหายใจเลยทีเดียว
มีเรือบริการอยู่ที่บริเวณอุทยานนกน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด (โทร.08-1786-4330)หรือที่ศูนย์พัฒนาประมงน้ำจืด
ล่องแก่งลำน้ำว้า
อ.แม่จริม จ.น่าน
ท่ามกลางสายน้ำสีเงินทอดยาวคดโค้งผ่านผืนป่าใหญ่ที่กำลังผลัดใบเปลี่ยนสีจากเขียวเข้มเป็นเหลือง ส้ม แดงเจิดจ้า เรือยางสีสดหลายสิบลำล่องผ่านแก่งใหญ่น้อยในสายน้ำว้า ผู้คนในเรือส่งเสียงร้องตื่นเต้นดังไปไกลหลายคุ้งน้ำ
ลำน้ำว้าเป็นสายน้ำเล็กๆ ที่มีต้นกำเนิดจากทิวเขาหลวงพระบางชายแดนไทย-ลาว ไหลเลาะผ่านแนวป่าเขาเขียวขจี มีแก่งหินและวังน้ำอยู่หลายสิบแหง จึงมีผู้นิยมมาล่องแก่งกันเป็นจำนวนมาก โดยมีสองเส้นทาง คือ ลำน้ำว้าตอนกลาง สำหรับมือเก๋าที่ต้องคัดพายสู้กับสายน้ำถึง 3 วัน 2 คืน ระยะทางยาวกว่า 80 กิโลเมตร แต่ที่นิยมกันมากกว่าคือ ลำน้ำว้าตอนล่าง เป็นช่วงไหลผ่านอุทยานแห่งชาติแม่จริม ระยะทางยาวเพียง 15 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงก็ล่องผ่าน มีแก่งเล็กๆ สามสี่แก่งให้ลองฝีผายก่อนลำน้ำจะแคบเข้าผ่านแก่งหลวงที่คดโค้ง บางช่วงลำธารลดระดับลงคล้ายน้ำตกเล็กๆ ยาวถึง 800 เมตร ให้หัวใจได้เต้นระทึก ก่อนจะผ่อนคลายแต่ท้าทายกับแก่งสาลี แก่งต้นไทร แก่งสวนหิน ซึ่งมีลักษณะเป็นแก่งหิน และสายน้ำแตกต่างกันออกไป สร้างความตื่นเต้นระทึกใจให้ลืมไม่ลงเลยทีเดียว
ช่วงเวลาที่เหมาะกับการล่องแก่งลำน้ำว้าประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม
มีบริษัททัวร์หลายแห่งให้บริการลองแก่งด้วยแพยางลำน้ำว้า มีให้บริการติดต่อได้ทั้งที่ อ.เมือง และ อ.แม่จริม แนะนำน่านทัวริ่ง(โทร.08-1961-7711)
เที่ยวถ้ำปางมะผ้า
อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน
ปางมะผ้า อำเภอเล็กๆ ใน จ.แม่ฮ่องสอน โด่งดังไปทั่วโลกด้วยเถื่อนถ้ำนับร้อยแห่ง บางแห่งเป็นถ้ำลึกยาวที่สุดในเอเชีย บางแห่งค้นพบโครงกระดูกและโลงของมนุษย์โบราณ บางแห่งกว้างใหญ่จนสามารถล่องแพภายในถ้ำได้ นักผจญภัยผู้นิยมการเที่ยวถ้ำจากทุกมุมโลกจึงพากันเดินทางมาที่นี่
ในบรรดาถ้ำที่ยังบริสุทธิ์จำนวนมาก มีถ้ำเพียงไม่กี่แห่งที่ได้พัฒนาและจัดการให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยถ้ำที่ได้รับความนิยมมากมีสองแห่ง คือ ถ้ำลอดและถ้ำแม่ละนา ถ้ำลอดเป็นถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีลำน้ำลางไหลผ่าน สามารถล่องแถไม้ไผ่เข้าไปได้ หรือเดินเข้าไปในถ้ำระยะทางราว 500 เมตร จะพบถ้ำใหญ่สามถ้ำ คือ ถ้ำเสาหิน ที่มีเสาหินสูงใหญ่หลายต้น ถ้ำตุ๊กตา มีหินงอกเป็นปุ่มปมคล้ายตุ๊กตา และถ้ำผีแมน มีโลงไม้ใหญ่ สันนิษฐานว่าเป็นโลงของมนุษย์โบราณ
ส่วนถ้ำแม่ละนายาวถึง 12 กิโลเมตร ยาวที่สุดในเอเชีย แต่เพื่อความปลอดภัยจึงได้กำหนดเส้นทางเที่ยวถ้ำไว้เพียง 2.5 กิโลเมตร เพราะต้องเดินลุยลำน้ำไปตลอด เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบการผจญภัย ภายในถ้ำมืดสนิท ต้องใช้ไฟฉายความแรงสูง เส้นทางจะผ่านโขดหินใหญ่ หินงอกหินย้อยอันงดงามไปจนถึงอ่างน้ำขนาดใหญ่ภายในถ้ำ
๐ควรเที่ยวเป็นกลุ่มประมาณ 5-10 คน
๐ทุกคนควรมีอุปกรณ์สร้างแสงสว่างประจำตัว ได้แก่ หมวกนิรภัยที่มีดวงไฟติดหน้าหมวก ไฟฉายพร้อมถ่านไฟฉายและหลอดสำรอง เทียนและไฟแช็ก เก็บไว้ในถุงพลาสติกที่ผนึกกันน้ำไว้อย่างดี
๐ใส่เสื้อผ้าหนาๆ กันหินบาด และสวมรองเท้าที่แข็งแรงทนทาน
อย่าลองปีนป่ายหน้าผาที่อันตรายและบุกเข้าไปในที่ลำบาก
การเข้าชมถ้ำลอดต้องติดต่อที่สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าถ้ำน้ำลอด(โทร.0-5361-7218)ส่วนถ้ำแม่ละนา ติดต่อศูนย์บริการเที่ยวถ้ำบ้านแม่ละนา (โทร.0-5361-9028)
ล่องแก่งลำน้ำเข็ก
อ.วังทอง จ.พิษณุโลก
แพยางหลายสิบลำและหลากสี ทั้งน้ำเงินเข้ม สดส้มชมพูเจิดจ้า ลอยตัวรายเรียงอยู่ริมลำน้ำ บนฝั่งนักท่องเที่ยวในชุดสวมหมวกและเสื้อชูชีพตั้งใจฟังคำอธิบายการล่องแก่ง ก่อนจะร่วมผจญภัยไปกลางสายน้ำขุ่นข้นที่กระทบแก่งเป็นฟองขาวคล้ายน้ำเดือดพล่าน
ลำน้ำเข็กหรือแม่น้ำวังทอง เกิดจากการไหลมารวมกันของคลองเข็กน้อยและคลองเข็กใหญ่ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ มีความยาวนับร้อยกิโลเมตรแต่ช่วงลำน้ำที่นิยมล่องแพบริเวณบ้านทรัพย์ไพรวัลย์นั้นยาวไม่ถึง 10 กิโลเมตรใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือประมาณเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน
ทางช่วงแรกเป็นลำน้ำนิ่งก่อนเข้าสู่แก่งเล็ก ๆ สามสี่แก่งเป็นการลองเชิง จากนั้นกระแสน้ำจะไหลรุนแรงผ่านแก่งยาง แก่งรัชมังคลาและแก่งซาง ซึ่งเหมือนน้ำตกต่างระดับกันสี่ชั้น ทำให้เรือยางโยนตัวมุดน้ำก่อนจะโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง สร้างความตื่นเต้นให้กับนักล่องเรือ แล้วจึงเข้าสู่แก่งนางคอยที่ถือเป็นไฮไลต์ ด้วยเป็นน้ำตกสูงกว่า 2 เมตร ทางช่วงสุดท้ายปล่อยให้นักผจญภัยผ่อนคลายไปกับความคดโค้งของแก่งยาว
ตลอดระยะทางซึ่งมีทั้งตื่นเต้น หวาดเสียว และโล่งใจเมื่อผ่านพิชิตมาได้จะประทับเป็นความทรงจำที่หลายคนอยากหวนกลับมาอีก
ดูนกอพยพที่แหลมผักเบี้ย
อ.เมือง จ.เพชรบุรี
เมื่อยามลมหนาวแรกเริ่มพัดมาจากเมืองจีน ฝูงนกอพยพหลายร้อยชนิด นับพันนับหมื่นตัวจะบินล่องใต้เป็นระยะทางไกลหลายพันกิโลเมตร เพื่อย้ายถิ่นหากินและแหล่งอาศัยโดยมีจุดแวะพักสำคัญที่บริเวณอ่าวไทยตอนใน โดยเฉพาะตามนาเกลือริมชายฝั่งตั้งแต่แถบ อ.บ้านแหลม มาจนถึงแหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี
แนะนำให้นั่งเรือจากคลองอีแอด ใกล้แหลมผักเบี้ย ล่องไปตามคลองที่สองฝั่งเต็มไปด้วยต้นแสมและต้นโกงกาง อาจพบนกกระเต็นสีฟ้าสด นกยางสีขาว ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็จะออกถึงทะเล ในยามน้ำลงที่ปลายแหลมผักเบี้ยจะมีนกหลากชนิด ทั้งนกทะเลอย่างนกนางนวล นกหัวโตมลายู ซึ่งล้วนแล้วแต่มีรูปร่างและสีสันที่แตกต่างกันออกไป โชคดีอาจพบนกหายากระดับโลก เช่น นกชายเลนปากช้อน นกลอยทะเลคอแดง เป็นรางวัลสำหรับผู้มาเยือน
ควรเตรียมอาหารกลางวันไปด้วยจะได้อยู่ชมนกที่กลางสันดอนทรายของแหลมผักเบี้ยไปจนถึงยามเย็นเพื่อชมความงดงามยามพระอาทิตย์ตกน้ำเป็นของแถม
จุดลงเรืออยู่บริเวณคลองอีแอด ใกล้แหลมผักเบี้ย ในฤดูท่องเที่ยวสามารถติดต่อที่ซุ้มบริการของ อบต. บริเวณท่าเรือ หากต้องการดูนกทั้งวัน ติดต่อพี่แดง โทร.08-0223-5250
อาบน้ำแร่แจ้ซ้อน
อ.แจ้ซ้อน จ.ลำปาง
ในยามเช้าที่แสงแดดลำแรกเริ่มสาดส่องกระทบบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน อาบไล้ผิวน้ำและละอองหมอกควันอันหนาทึบของน้ำพุให้เป็นสีทองอร่ามรังสรรค์ให้ปรากฏการณ์ธรรมชาติจากความร้อนใต้พื้นโลกงดงามเกินคำบรรยาย
น้ำพุร้อนแจ้ซ้อนเป็นบ่อหินตื้นๆ มีหินรูปทรงต่างๆ ทั้งแผ่นและก้อนกระจัดกระจายอยู่รอบบ่อน้ำเก้าบ่อ บนลานกว้างประมาณ 3 ไร่ น้ำแร่บริเวณนี้มีปริมาณซัลไฟด์หรือกำมะถันเพียง 0.1 มิลลิกรัม/ลิตร เหมาะสำหรับการนำน้ำแร่มาอาบหรือลงแช่ บางคนก็นิยมนำไข่ไก่หรือไข่นกกระทาลงไปต้มเพื่อพิสูจน์ความร้อน ซึ่งแปลกที่ว่าน้ำร้อนเหล่านี้จะทำให้ไข่แดงสุกมากกว่าไข่ขาว
หากอยากทดลองอาบน้ำแร่ หรือลงแช่น้ำร้อน ก็มีทั้งแบบตักอาบ หรือแช่ในบ่อถึง 21 ห้อง โดยมีการต่อท่อน้ำร้อนมาจากบ่อพักและควบคุมอุณหภูมิสูงเพียง 39-42 องศาเซลเซียส ไม่ร้อนเกินกว่าจะลงไปนอนแช่ได้แบบสบายๆ
การแช่น้ำแร่มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยให้การไหลเวียงโลหิตดีขึ้น รักษาโรคผิวหนังบางชนิด โรคไขข้ออักเสบ เป็นต้น
การแช่น้ำแร่ให้ปลอดภัย อย่ารีบร้อนลงแช่ทั้งตัว ให้เริ่มจากจุ่มเท้าลงในน้ำร้อนก่อนรอจนเมื่อคุ้นเคยกับความร้อนแล้วจึงค่อยๆตามด้วยส่วนอื่นลงไปจนกระทั่งแช่ทั้งตัวพอรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยก็ให้ขึ้นจากอ่างแช่อย่าฝืนแช่อยู่นานเกินไป